ชาวบ้านริมโขง โพนพิสัย เล่าย้อนวัยเด็กเจอ บั้งไฟผี เผยมีมานานนับร้อยปี เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็นบั้งไฟพญานาคไม่นาน ชี้ต้องแยกให้ออกว่าอันไหนลูกไฟ อันไหนลูกปืน

จากกรณี แอดมินเพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาค นำหลักฐานเป็นรายชื่อหมู่บ้าน พร้อมภาพถ่ายและคลิปวิดีโอบันทึกการเกิดบั้งไฟพญานาค มาเป็นหลักฐานยื่นให้สถานเอกอัครรัฐทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อให้สืบหาความจริง กรณีการเกิดบั้งไฟพญานาคเป็นการยิงกระสุนส่องแสงจากหมู่บ้านฝั่งลาว ชี้สร้างความเข้าใจผิดให้กับคนไทยมานานหลายสิบปี

วันที่ 26 ต.ค.2564 ชาวบ้านริมแม่น้ำโขงที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นสิ่งที่ชาวริมน้ำโขงเห็นมานานนับร้อยปี บอกเล่ากันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า

ริมโขง

นายขาว สิงหศิริ ชาวอำเภอโพนพิสัย เล่าว่า เมื่อปี 2509 สมัยนั้น พายเรือลงแข่งในแม่น้ำโขงจะมีลูกไฟสีแดงพุ่งขึ้นจากข้างเรือ สูงประมาณ 3 เมตร ขึ้นมาเยอะมากจนตกใจ พระในวัดรีบบอกให้ขึ้นจากน้ำโขง บอกว่าเป็นลูกไฟผี

นอกจากนี้ตามปลักควาย ห้วยหลวงลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงก็มีเกิดขึ้นเป็นชุด ๆ ละ 10-20 ลูก ไม่มีเสียง สีสวย เมื่อก่อนเรียกบั้งไฟผี เพิ่งมาเปลี่ยนเรียกเป็นบั้งไฟพญานาคเมื่อไม่นานมานี้ เห็นมาแต่สมัยเป็นเด็ก

บั้งไฟพญานาค

ส่วนนายสาคร วงศ์ชาญศรี อายุ 72 ปี บอกว่า ในเขตพื้นที่อำเภอโพนพิสัย เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นการยิงปืน เมื่อก่อนนี้จะมีบั้งไฟผีตั้งแต่ปากห้วยหลวงจนถึงวัดไทย สมัยนั้นไม่เคยได้ยินว่าที่อื่นมีด้วยหรือไม่

ตนตอบไม่ได้ว่าบั้งไฟผีเกิดจากอะไร แต่ตอบได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ต้องแยกให้ออกว่าอันไหนลูกไฟ อันไหนลูกปืน ถ้าเป็นปืนต้องมีเสียง ตอนนี้ตน 72 ปี แล้ว คนสมัยพ่อแม่ตนก็เห็นแล้ว นับเป็นร้อยปีจะเอาปืนที่ไหนมายิง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน