นัก กม. เสนอรัฐ 7 ข้อ เร่งแก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติเข้าเมืองผิดกฎหมาย และแก้ทั้งระบบ ชี้หากช้าจะทำให้แรงงานเถื่อนทะลัก

จากปัญหาการเกิดโรคระบาดโควิค 19 ทำให้รัฐบาลประกาศมาตรการในการควบคุมป้องกันและแก้ไข ซึ่งส่งผลให้กิจการจำนวนมากต้องปิด ลูกจ้างแรงงานข้ามชาติตกงาน และจำต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง เนื่องจากไม่มีงานให้ทำและไม่มีที่อยู่ในประเทศไทย

ต่อมารัฐประกาศผ่อนปรนเปิดประเทศให้ธุรกิจสามารถประกอบกิจการได้ภายใต้เงื่อนไข ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.64 ส่งผลให้มีแรงงานข้ามชาติจำนวนมาก เดินทางเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย

วันที่ 12 พ.ย.64 นายสุรพงษ์ กองจันทึก อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ เปิดเผยว่า ธุรกิจจำนวนมากทั้งใหญ่และเล็กต้องการแรงงานข้ามชาติ ดังนั้นเมื่อรัฐสนับสนุนให้ธุรกิจขับเคลื่อน จำต้องให้มีแรงงานเข้ามารองรับด้วย การที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ แต่ไม่ให้แรงงานเข้ามาอย่างถูกต้อง ทำให้แรงงานข้ามชาติต้องเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งไปเอื้อต่อขบวนการค้าแรงงานหรือขนแรงงานที่ผิดกฎหมาย

รัฐจึงต้องเร่งให้มีการเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายสำหรับแรงงานข้ามชาติโดยด่วน เพื่อสามารถตรวจสอบ ป้องกัน และดูแลแรงงานเหล่านี้ได้ ทั้งเรื่องของการทำงานและการป้องกันโควิด 19

การที่รัฐมีนโยบายจะให้มีการนำเข้าผ่าน MOU เป็นการดี แต่กระบวนการยุ่งยากและยาวนาน ได้แรงงานไม่มากนัก ทั้งไม่สอดคล้องกับธุรกิจขนาดเล็ก จึงควรมีการผ่อนปรนให้เข้ามาโดยวิธีอื่น เพื่อให้ทันต่อความต้องการของธุรกิจ และการทำให้แรงงานข้ามชาติสามารถเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีราคาถูกรวดเร็วปลอดภัย เพราะหากมีราคาแพงเนิ่นช้า จะทำให้แรงงานไปใช้บริการขนคนเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายดังที่เป็นปัญหาในช่วงนี้

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนและคณะได้ศึกษามีข้อเสนอนโยบายและมาตรการต่อรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานข้ามชาติทั้งระบบ ดังนี้

1. รัฐต้องจัดให้มีการจดทะเบียนและการขอขึ้นใบอนุญาตทำงานของแรงงานข้ามชาติอย่างทั่วถึง เข้าถึง และเป็นธรรม โดยเปิดให้จดทะเบียนผ่อนผันทุกปีและตลอดทั้งปี จัดให้มีแบบขอจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตามในเอกสารชุดเดียวกันและมีคำแปลในภาษาของแรงงานข้ามชาติ จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ( One-stop service)ที่แท้จริง

กล่าวคือ จดทะเบียน ตรวจโรค และขอใบอนุญาตทำงานในสถานที่เดียวกัน สามารถออกบัตรประจำตัวและใบอนุญาตทำงานภายในหนึ่งวัน อีกทั้งกำหนดให้นายจ้างเป็นผู้ออกค่าคำขอและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน

2. รัฐต้องให้การพิสูจน์สัญชาติของแรงงานข้ามชาติเป็นการพิสูจน์สัญชาติที่แท้จริง ทั่วถึงและปลอดภัย โดยเจรจาและทำข้อตกลงกับรัฐบาลประเทศต้นทางในเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ ที่คำนึงถึงความปลอดภัยและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รับรองความเป็นพลเมือง โดยเพิ่มชื่อในระบบทะเบียนราษฎร ออกบัตรประจำตัวประชาชน และรับรองสิทธิพลเมืองตามกฎหมาย ตลอดจนการพิสูจน์สัญชาติผู้ติดตามทุกคน

3. รัฐต้องแก้ไขกฎหมายให้เกณฑ์อายุขั้นต่ำของแรงงานเป็น 18 ปี พร้อมทั้งป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานเด็กอย่างจริงจัง โดยยกเลิกกฎกระทรวงที่อนุญาตให้มีการใช้แรงงานเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีได้ในบางกิจการ และแก้ไขกฎหมายให้เกณฑ์อายุขั้นต่ำสุดของแรงงานคือ 18 ปี รวมถึงมีมาตรการอย่างเข้มงวดต่อเรื่องแรงงานเด็กและการละเมิดสิทธิเด็ก

4. รัฐต้องจัดการการศึกษาให้แก่ผู้ติดตามแรงงานข้ามชาติที่เป็นเด็กและต้องคุ้มครองสิทธิเด็ก โดยรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และทำให้การศึกษาถ้วนหน้าโดยไม่เลือกปฏิบัติเป็นจริง ให้นักเรียนสามารถเดินทางไปเรียนหนังสือได้อย่างปลอดภัยไม่ถูกจับ จัดมีหลักสูตรที่สอดคล้องกับวัฒนธรรม สังคม และเอกลักษณ์ของเด็ก

5. รัฐต้องขจัดขบวนการนำพา ขบวนการนายหน้า และขบวนการค้ามนุษย์ในแรงงานข้ามชาติ โดยเอาจริงเอาจังกับการตรวจสอบ ป้องกันปราบปราม และลงโทษ นายหน้า ผู้ประกอบการ ผู้สนับสนุน และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ตลอดจนขจัดช่องทางที่ทำให้เกิดกระบวนการนายหน้าในการจดทะเบียนและพิสูจน์สัญชาติแรงงานข้ามชาติ

6. รัฐต้องจัดให้แรงงานข้ามชาติ เปลี่ยนย้ายงานย้ายนายจ้างและเลือกทำงานอย่างเสรี โดยความสมัครใจของลูกจ้างและนายจ้าง

7. รัฐต้องรับรอง คุ้มครอง และทำให้เป็นจริง ในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิขั้นพื้นฐาน และสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของแรงงานข้ามชาติ โดยรณรงค์และให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงานและกระบวนการยุติธรรมแก่แรงงานข้ามชาติ ส่งเสริมสนับสนุนกลไกคุ้มครองสิทธิและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย ตลอดจนให้แรงงานข้ามชาติมีสิทธิอาศัยชั่วคราวในระหว่างการเรียกร้องสิทธิและระหว่างกระบวนการยุติธรรม

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน