จับลูกจ้างแสบ ยกเค้า เจ้าสัวใจบุญชื่อดังเมืองอุดร สูญนับล้าน สารภาพจะหาทุนเปิดร้านซ่อมรถ

ตำรวจ สภ.ย่อยโนนสูง จับ จับลูกจ้างแสบ ยกเค้า เจ้าสัวใจบุญชื่อดังเมืองอุดร สูญนับล้าน สารภาพจะหาทุนเปิดร้านซ่อมรถ พบเสพทั้งยาบ้า กัญชา เจ้าตัวสารภาพ

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 22 พ.ย.2564 พ.ต.ท.วีระพล มูลบัวภา สว.สส.สภ.ย่อยโนนสูง พร้อมด้วยร.ต.อ.อุดมโชค สิงหกุลศิริ รองสว.สส.สภ.ย่อยโนนสูง และตำรวจชุดสืบสวนสภ.ย่อยโนนสูง ร่วมกันจับกุมนายรังสรรค์ หรือดำ อายุ 54 ปี พร้อมของกลางเป็นทรัพย์สินต่างๆ หลายรายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินเกือบ 1 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่บ้านพัก ภายในคอกเลี้ยงม้าแข่งฟ้าลิขิต ม.3 บ.นาทราย ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี

หลังพบหมวกของคนร้ายทำตกหล่นอยู่ริมถนนหน้าตึกอำนวยการสนามม้าแข่ง จึงเป็นหลักฐานในการสืบสวนจับกุมคนร้าย และควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากที่ได้ไปก่อเหตุลักทรัพย์ในตึกอำนวยการและรอบบริเวณ สนามกีฬาแข่งม้าอินเตอร์เกมส์ปาร์ค บ.นาทราย ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี ของนายปรีชา ชัยรัตน์ “เจ้าสัวผู้ใจบุญแห่งเมืองอุดรธานี”

เบื้องตเนเจ้าหน้าที่ แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์หรือรับของโจรในเวลากลางคืน โดยทำลายสิ่งกีดกั้น และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกพาทรัพย์นั้นไป, บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และประเภท 5 (ยาบ้าและกัญชา) โดยผิดกฎหมาย” ก่อนดำ้นินคดีต่อไป

พ.ต.ท.วีระพล เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายรังสรรค์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นคน จ.สุพรรณบุรี แล้วมาเป็นเขยเมืองอุดรธานี ปัจจุบันอยู่ตัวคนเดียว หลังจากแยกทางกับภรรยาไปเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา และ 8 ปีที่ผ่านมา เคยถูกตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี จับกุมในข้อหาลักทรัพย์ และเสพยาบ้าและกัญชา ก่อนที่จะมาทำงานอยู่ที่สนามม้าแข่ง และเคยมาทำงานอยู่ที่สนามม้าแห่งนี้เป็นช่างซ่อมบำรุงทั่วไปในสนามม้าซึ่งเป็นของนายปรีชา ชัยรัตน์ “เจ้าสัวผู้ใจบุญแห่งเมืองอุดรธานี” รวม 4 ปี

นายรังสรรค์ฯ ให้การรับสารภาพต่อไปว่า คนที่ขโมยทรัพย์สินภายในสนามม้าแข่งคนเดียว ซึ่งทรัพยสินทั้งหมดเป็นของอดีตนายจ้าง คือ นายปรีชา ชัยรัตน์ “เจ้าสัวผู้ใจบุญ” นำไปขายบางส่วน เพื่อซื้อยาบ้าและกัญชามาเสพ บางส่วนเก็บรวบรวมไว้ เพื่อเตรียมไปขายเอาเงินไปเป็นทุนเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ โดยลงมือก่อเหตุตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน รวม 8 เดือน เข้าก่อเหตุสัปดาห์ละ 1 ครั้งอย่างต่อเนื่อง จนถูกตำรวจเข้าจับกุมตัวพร้อมของกลางในที่สุด

นายรังสรรค์ฯ ให้การต่อไปว่า ที่ทำไปเพราะไม่มีเงินใช้จ่ายภายในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันอยู่ตัวคนเดียว หลังจากถูกพักงานช่วงโควิดระบาด ปี 2563 เพราะสนามม้าแข่งปิดทำการ เงินที่นายจ้างให้มาก้อนสุดท้ายก็ใช้ไปจนหมด จึงตัดสินใจก่อเหตุครั้งแรกในคืนวันที่ 20 มีนาคม 2564 และขับสามล้อเครื่องคู่ใจเข้ามาทางประตูด้านหลัง ขโมยทรัพย์สินทุกอย่างติดต่อกันมา 8 เดือน

กระทั่งครั้งล่าสุดคือวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนรีบจึงทำหมวกตกไว้เป็นหลักฐานในที่เกิดเหตุ ตนอยากขอโทษเสี่ยปรีชาฯ ผ่านสื่อว่า ตนไม่มีทางเลือกและที่ตัดสินใจเช่นนั้น เพราะ เสี่ยปรีชาคงไม่เดือดร้อน หากไปขโมยของคนอื่นเขาคงเดือดร้อน ในช่วงสถานการณ์โควิดระบาด ไม่เหมือนกับเสี่ยปรีชาที่ใจบุญและร่ำรวยเงินทอง

นายลือชัย เวียงวงค์ อายุ 64 ปี นายทะเบียนสมาคมม้าแข่ง จ.อุดรธานี และเป็นผู้ดูแลสนามม้าฯ เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจที่อดีตลูกน้องมาทำกับ “เสี่ยปรีชา” เจ้าของสนามม้าแห่งนี้ ผู้มีพระคุณ หลังจากปิดกิจกรรมแข่งม้าช่วงโควิดระบาดเมื่อปี่ที่ผ่านมา พนักงานบางคนถูกเลิกจ้างแต่ก็ดูแลกันมาตลอด เพราะเสี่ยเป็นคนใจบุญ รวมทั้งผู้จัดการสนามม้าแข่งก็เรียกใช้งานมาตลอดเวลาที่สนามม้าปิด ให้ที่พักอาศัย และให้ค่าอาหารมาตลอด

ตั้งแต่ท่านเปิดสนามม้าแข่งมาเกือบ 30 ปี ซึ่งตนก็เป็นคนดูแล ไม่เคยมีทรัพย์สินสูญหายหรือถูกขโมย เพราะไม่มีใครกล้าทำ เนื่องจากคนเมืองอุดรธานี รู้จักท่านที่เป็นคนใจบุญไม่มีงานมีเงินท่านก็จะช่วยเหลือ รู้ครั้งแรกว่าทรัพย์สินภายในตึกอำนวยการถูกคนร้ายงัดขโมยทรัพย์สิน จึงรายงานผู้จัดการและเสี่ยปรีชาทราบ

“ท่านก็ไม่เครียด และบอกว่า เขาคงไม่มีกินจึงเป็นขโมย จึงไม่ไปแจ้งความ นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันรวม 8 เดือน มีทรัพย์สินหายไปอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดคืนวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา เครื่องปรับอากาศในห้องทำงานของตนและในห้องอำนวยการ รวม 3 เครื่อง รวมทั้งเครื่องคอยร้อนที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าด้วย พูดง่ายๆว่าเอาไปครบชุด ขโมยทุกอย่างเท่าที่จะขนไปได้ แบบทยอยมาเอา เพราะนายดำรู้ความเคลื่อนไหวในที่เกิดเหตุเป็นอย่างดี ถูกขโมยหนักขึ้นก็คงทนไม่ไหวจึงแจ้งความ

และท่านคงเสียความรู้สึกและเสียใจ เพราะดูแลเขาอย่างดี ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ ทรัพย์สินไม่เสียดายเท่ากับเสียความรู้สึก หากตำรวจยังจับตัวไม่ได้ ต่อไปนายดำคงต้องมายกหรือทุบตึกอำนวยการเพื่อเอาเหล็กเส้นไปขายเป็นแน่ และอยากจะขอบคุณตำรวจที่ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายได้ เพราะนายดำทำหมวกหล่นไว้ในที่เกิดเหตุ จึงเป็นหลักฐานในการสืบสวนเข้าจับกุมตัวพร้อมของกลางในครั้งนี้”