ศึกแห่งสงฆ์! พระลูกวัดทนไม่ไหว โดดเตะก้านคอรองเจ้าอาวาส เจ้าตัวรับทนไม่ไหว-ตบะแตก ถูกด่าบุพการี ท้าตรวจฉี่ ยอมรับผลกรรม พระคู่กรณีแจ้งความ
วันที่ 20 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพระลูกวัดเลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ถูกรองเจ้าอาวาสท้าตรวจปัสสาวะ ด่าบุพการี จนทนไม่ไหวกระโดดเตะก้านคอจนหงายหลังกลางลานวัด โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ นางจู แซ่หุ่น อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นโยมแม่ของ พระรุ่งเรือง เทพเทียน อายุ 40 ปี รองเจ้าอาวาสวัดเลาขวัญ ที่ถูกทำร้าย ในพื้นที่หมู่ 14 ต.เลาขวัญ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี
โดยพบพระรุ่งเรื่องได้รับบาดเจ็บ นอนอยู่บนเตียงไม้ มีบาดแผลที่ศีรษะ คอ และแผ่นหลัง สภาพบอบช้ำไปทั้งตัว พระรุ่งเรือง เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวาน (19 ธ.ค.) ประมาณ 18.00 น. ขณะที่อาตมากำลังกวาดใบไม้อยู่บริเวณลานวัด ระหว่างนั้น พระธนภัทร ได้เดินเข้ามาหาเรื่อง ถามว่า “มองหน้ามีปัญหาอะไร ถ้าอยากมีปัญหาก็เจอกันหลังเมรุได้นะ” ด้วยความที่อาตมาไม่อยากมีเรื่องจึงเดินหนี และไม่ไปตามนัด
จากนั้นไม่นาน พระธนภัทร ได้เดินไปหาเจ้าอาวาสวัดที่กุฎิ ก่อนจะเดินตรงมาหาอาตมาที่กำลังนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ และถามว่า “จะเอายังไง” อาตมาจึงตอบกลับไปว่า “ถ้าลูกผู้ชายจริง ก็ไปตรวจฉี่สิ” ซึ่งหลังจากพูดจบไม่ทันขาดคำ อีกฝ่ายได้กระโดดเตะก้านคออาตมาจนหงายท้องและสลบทันที
ส่วน นางจู บอกว่า เสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับพระลูกชาย เพราะที่ผ่านมาตลอด 20 ปี ที่พระลูกชายบวช ก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร ส่วน พระธนภัทร เพิ่งจะย้ายมาอยู่ไม่นาน และเป็นพระที่อยู่ในผ้าเหลือง มีปัญหาอะไรก็ควรพูดคุยใช้สติแก้ปัญหาไม่ใช่มาใช้ความรุนแรง เพราะจะเสื่อมเสียพระพุทธศาสนา ตอนนี้ตนกลัวมากคือหากพระลูกชายกลับไปอยู่วัดก็อาจจะถูกทำร้ายอีก จึงอยากให้สำนักพุทธศาสนาเข้ามาจัดการช่วยเหลือด้วย
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดเลาขวัญ ต.เลาขวัญ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นวัดที่เกิดเหตุ และพูดคุยกับ พระธนภัทร ก็ได้รับการเปิดเผยว่า อาตมาเป็นพระที่อยู่ในคลิปวงจรปิดจริง และยอมรับว่าเป็นคนกระโดดเตะก้านคอ พระรุ่งเรือง ส่วนสาเหตุนั้นมาจากที่ ก่อนหน้านี้อาตมาถูกพระรุ่งเรือง ซึ่งเป็นรองเจ้าอาวาส พูดจาต่อว่าตักเตือนบ่อยครั้ง และชอบด่าบุพการี รวมถึงกล่าวหาว่าอาตมายุ่งเกี่ยวยาเสพติด ซึ่งไม่เป็นความจริง วันเกิดเหตุยอมรับ ทนไม่ไหวจริงๆ ตบะแตกแล้ว จึงทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นสำนักพุทธ หรือ ตำรวจจะลงโทษวิธีใดก็จะยอมรับผลกรรม และมองว่าอาตมาไม่ผิด เพราะอีกฝ่ายมาต่อว่าหาเรื่องก่อน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามญาติโยมที่มาช่วยงานของวัด ก็ยืนยันว่า ปกติ พระธนภัทร นั้นเป็นพระที่ปฎิบัติดี และสอบพระธรรมได้ในระดับสูง คิดว่าสิ่งที่พระธนภัทรทำไปนั้น คงอดไม่ไหวแล้วจริงๆ ซึ่งตัวเองไม่ขอเข้าข้างใคร เพราะสิ่งที่เสียหายที่สุดก็คือ พระพุทธศาสนา และชื่อเสียงของวัด
ส่วนเรื่องของคดี พระรุ่งเรือง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อาณัติ ตรีเภรี สารวัตร (สอบสวน) สภ.เลาขวัญ แล้ว ซึ่งทาง พ.ต.ท.อาณัติ ได้สอบปากคำเบื้องต้น และสอบสวนพยานแวดล้อม และจะออกหมายเรียก พระธนภัทร มาสอบปากคำ และเตรียมแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บต่อไป
