สาวกรุงเทพฯ โวย เช่ารถยนต์จากเชียงใหม่ กลับเจอกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างเป็นจนท. ไฟแนนซ์ยึดรถ รุมล้อมข่มขู่ ขึ้นโรงพักทั้งวัน ตำรวจยังช่วยอะไรไม่ได้

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2564 น.ส.ชมพู่ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ตนและเพื่อนเดินทางมากจากกรุงเทพฯ เพื่อท่องเที่ยวที่จ.เชียงใหม่ โดยเช่ารถยนต์จากบริษัทจากอินเทอร์เน็ต แต่ระหว่างที่ใช้รถท่องเที่ยวอยู่ในจ.เชียงใหม่ นั้นก็ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์จะมายึดรถยนต์ ทำให้เกิดปัญหาต้องเสียเวลาทั้งวันโดยที่ตำรวจช่วยเหลืออะไรไม่ได้

น.ส.ชมพู่ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 64 ตนและเพื่อนผู้หญิงอีก 1 คน เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบิน ถึงสนามบินเชียงใหม่เพื่อท่องเที่ยว โดยก่อนเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้ติดต่อเช่ารถยนต์เพื่อขับท่องเที่ยวจากบริษัทรถเช่าที่เคยใช้บริการเป็นประจำ แต่รถหมดจึงจำเป็นต้องหาเช่ารถจากอินเทอร์เน็ตที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อน โดยโอนเงินค่าเช่ารถและมัดจำให้

เมื่อเดินทางถึงสนามบินเชียงใหม่ ทางผู้ให้เช่าได้นำรถยนต์มาจอดไว้ให้แล้วที่ลานจอดรถของสนามบิน เป็นรถยนต์ โตโยต้า สีขาว โดยแจ้งตำแหน่งที่จอดรถและจุดที่ซ่อนกุญแจรถไว้ให้โดยที่ไม่ได้พบกับผู้ที่นำรถมาส่งและไม่ต้องเซ็นเอกสารเช่ารถแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ต่อมาในเช้าวันที่ 20 ธันวาคม 64 ตัวและเพื่อนได้ขับรถไปท่องเที่ยวที่จ.เชียงราย โดยช่วงสายได้เข้าท่องเที่ยวและไหว้พระที่วัดร่องขุ่น จากนั้นระหว่างเดินกลับไปขึ้นรถยนต์ปรากฏว่าได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คน มารุมล้อมไม่ยอมให้ขึ้นรถ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์จะมายึดรถยนต์คันที่ตัวเองเช่า เนื่องจากเจ้าของรถค้างค่าผ่อนชำระเกินกำหนด โดยไม่มีการแสดงเอกสารหลักฐานใด ๆ เลย

จากนั้นจึงเกิดการโต้เถียงกันเพราะตัวเองเห็นว่าไม่ถูกต้องและได้พยายามติดต่อกับทางผู้ให้เช่ารถ พร้อมกับไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ป้อมร่องขุ่น ระหว่างนั้นได้มีผู้หญิงอีก 2 คน ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทไฟแนนซ์ตามมาสมทบ ซึ่งทั้งหมดได้พูดข่มขู่ไปต่าง ๆ นานา แต่ตกลงกันไม่ได้ ตำรวจจึงได้ให้ไปตกลงกันที่สภ.เมืองเชียงราย

ตนและเพื่อนพร้อมเจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์ได้เดินทางไปถึงที่สภ.เมืองเชียงราย เวลาประมาณ 12.00 น. ซึ่งตนแจ้งให้ตำรวจทราบเรื่องที่เกิดขึ้น โดยต้องการใช้รถที่เช่ามาเพื่อขับท่องเที่ยวต่อ ส่วนเรื่องเจ้าของรถค้างค่าเช่าและทางไฟแนนซ์จะยึดรถนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เพราะเป็นเรื่องระหว่างเจ้าของรถเช่ากับไฟแนนซ์ หากต้องการจะยึดรถก็อยากให้ตนขับกลับที่พักที่จ.เชียงใหม่ ก่อน

อย่างไรก็ตามทางตำรวจไม่สามารถให้การช่วยเหลือใด ๆ ได้ขณะที่เจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ก็ไม่ยินยอม รวมทั้งยังได้พูดจาเชิงข่มขู่และขัดขวางไม่ให้นำรถออกไปอย่างเด็ดขาด พร้อมอ้างว่าเจ้าของรถเช่ายินยอมให้ยึดรถได้

ต่อมาเวลา 16.00 น. ตัวและเพื่อนไม่ต้องการจะมีปัญหาใด ๆ แล้ว เพราะตั้งใจอยากเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนหาความสุขแต่กลับมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ จึงตัดสินใจจอดรถยนต์ที่เช่ามาทิ้งไว้ที่สภ.เมืองเชียงราย แต่เก็บกุญแจรถไว้ไปคืนเจ้าของรถเช่าและแจ้งให้เจ้าของรถทราบแล้ว พร้อมขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นว่าจ้างรถแท็กซี่จากเชียงรายให้ส่งกลับที่พักที่เชียงใหม่ในราคา 1,700 บาท

จากนั้นทางเจ้าของรถเช่าได้นำรถยนต์คันใหม่ป้ายแดงมาให้ใช้แทน เพราะได้จ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้าไปทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ได้รับผิดชอบค่าว่าจ้างรถแท็กซี่จากเชียงรายให้แต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นตนและเพื่อนได้ท่องเที่ยวไหว้พระตามวัดต่าง ๆ ในเชียงใหม่ และขึ้นเครื่องเดินทางกลับกรุงเทพฯ

น.ส.ชมพู่ กล่าวต่อว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นทำให้ตนและเพื่อนสภาพจิตใจย่ำแย่อย่างมาก เพราะตั้งใจเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหาความสุข แต่กลับต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ จากการที่ต้องถูกกลุ่มชายฉกรรจ์มารุมล้อมข่มขู่คุกคามทำให้หวาดกลัว ซึ่งทำให้รู้สึกช็อกอย่างมากและเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาพบเจอกับเรื่องแบบนี้

ทั้งนี้ตัวเองอยากให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ เพราะรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดตำรวจไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย ขณะเดียวกันมองว่าทางเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ทำเกินกว่าเหตุ และตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของผู้ให้บริการรถเช่ารายนี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน