ท่อน้ำมันดิบรั่ว ทะเลระยอง ผู้ว่าฯกนอ. คาดกระทบไม่มาก คพ.ชี้คุมง่ายกว่าปี56 ตัวแทนบริษัทแจง มีการตรวจสอบ และเปลี่ยนท่อตามกำหนด ทุกๆ 3 ปี

เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 26 ม.ค.2565 ที่ห้องประชุมสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พล.ร.ต.อาทร ชะระภิญโญ รองผบ.ทรภ.1 และตัวแทน บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้ากรณีเหตุท่อส่งน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเล มาบตาพุด จ.ระยอง

นายวีริศ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์โดยได้รับรายงานการประมาณการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลเบื้องต้น มีจำนวนไม่เกิน 1.6 แสนลิตร หรือคิดเป็น 128 ตัน คิดเป็น 0.04% ของน้ำมันในเรือ ขณะที่เรือมีความจุประมาณ 3.2 แสนตัน แต่อย่างไรก็ตามในภายหลังปิดวาล์วที่เกิดเหตุได้สำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้ทำการล้อมพื้นที่น้ำมันดิบรั่วไหลในรัศมีไม่เกิน 1 ตารางกิโลเมตร พร้อมทั้งได้มีการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน (Oil Spil Dispersant)ทันที

สำหรับจุดเกิดเหตุนั้นห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร ในเบื้องต้นประเมินสถานการณ์ว่าจะส่งผลกระทบไม่มากนัก ส่วนท่อดังกล่าวพบว่ามีการบำรุงรักษาอุปกรณ์ตามแผนการดำเนินงานของทางบริษัทฯมาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้อาจต้องดูแผนในการดูแลบำรุงรักษา รวมถึงอายุการใช้งานของท่อว่ามีอายุการใช้งานเท่าไหร่ จำเป็นต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแผนให้มีความเหมาะสมหรือไม่ เพื่อจะนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนกำหนดมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น

อาจให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมคิดและวางแผนในการดูแลและบำรุงรักษาด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีกในอนาคต โดยวันนี้ได้เร่งดำเนินการควบคุมสถานการณ์และทำงานอย่างเต็มที่ โดยคาดว่าจะไม่เข้าฝั่ง และจะสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้

นายอรรถพล กล่าวว่า หากไม่มีการควบคุมคราบน้ำมันจะขึ้นฝั่งที่หาดแม่รำพึง ซึ่งในวันนี้สามารถควบคุมได้ ประกอบกับเป็นน้ำมันดิบที่ความเบา การควบคุมจะง่ายกว่าน้ำมันหนักแบบที่เกิดเหตุในปี พ.ศ.2556 ที่ยากต่อการจัดการ ทั้งนี้ได้มีการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันเพื่อเร่งการสลายคราบน้ำมันตามธรรมชาติได้เร็วขึ้น หากมีการพัดพาของคราบน้ำมันไปยังชายฝั่งการจะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพื่อเฝ้าระวังและป้องกัน ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

พล.ร.ต.อาทร กล่าวว่า ในส่วนกองทัพเรือได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผู้บัญชาการทหารเรือได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 นำยุทโธปกรณ์และกำลังพลไว้คอยสนับสนุนการดำเนินงานควบคุมสถานการณ์ พร้อมทั้งเตรียมเฮลิคอปเตอร์ในการบินขึ้นสำรวจการกระจายตัวของคราบน้ำมันทั้งหมดจากบริเวณจุดขนถ่ายน้ำมัน (SPM) รวมถึงทิศทางของคราบน้ำมัน

พร้อมทั้งสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ที่ติดตัวโปรยสารเคมีควบคู่กับเรือขจัดคราบน้ำมัน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่าน ศร.ชล.ในจังหวัดตามชายหาดต่างๆ พร้อมเตรียมกำลังพลสนับสนุนการจัดเก็บคราบน้ำมันหากขึ้นฝั่ง

ด้าน นายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ ผจก.ฝ่ายความปลอดภัยระบบคุณภาพสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีการตัดแยกระบบและส่งนักประดาน้ำไปดูในจุดที่มีโอกาสจะรั่ว ซึ่งพบว่ามีข้อต่อตัวหนึ่งที่เป็นข้ออ่อนระหว่างจุดขนถ่ายน้ำมันกับตัวท่อที่ต่อเข้ากับท่อใต้น้ำรั่วซึ่งต้อนนี้ได้ดำเนินการปิดกั้นตามขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

โดยท่อดังกล่าวมีการตรวจสอบมาตรฐานวัสดุที่ใช้ในการผลิต มีการตรวจสอบและเปลี่ยนท่อตามระยะเวลาที่กำหนดทุก 3 ปี ซึ่งท่อดังกล่าวนี้จะถึงเวลาเปลี่ยนในเดือนเมษายน 2565 นี้ แต่เกิดเหตุรั่วไหลเสียก่อน ทั้งนี้บริษัทได้มีมาตรการรวมถึงระบบบริหารจัดการเพื่อป้องกันการรั่วไหลรวมถึงแผนตอบโต้ฉุกเฉินหากเกิด โดยล่าสุดจุดที่รั่วไหลมีน้ำมันรั่วไหลสูงสุดไม่เกิน 50,000 ลิตร ซึ่งต่ำกว่าที่แจ้งประมาณการไว้ตอนแรกไว้ที่ 160,000 ลิตร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน