จนท.ป่าไม้แค้น บุกบ้านอดีตเมีย กระหน่ำยิง หวังฆ่ายกครัว สลดลูกชายดับคาบ้าน ตร.เร่งล่าตัว ฝ่ายหญิงวอนจับตาย กลัวติดคุกแล้วออกมาฆ่าศพที่2

วันที่ 13 มี.ค.65 พ.ต.ท.อภิศักดิ์ แสงดาว สารวัตร (สอบสวน) สภ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.8 ต.หูทำนบ อ.ปะคำ ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะประสานแพทย์เวรฯ รพ.ปะคำ และหน่วยกู้ภัยฯ ร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบร่างนายณัฐพงษ์ อายุ 20 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านนอนหงายเสียชีวิตอยู่ภายในห้อง ในสภาพสวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้นสีดำ ตรวจสอบเบื้องต้นพบบริเวณลำคอ และใต้ใบหูข้างซ้าย มีรอยถูกกระสุนปืนยิงเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลนองเต็มพื้น ข้าวของกระจัดกระจาย ทั้งนี้ยังพบรอยกระสุนปืนตามพนังบ้านหลายจุด และปลอกกระสุนตกกระจายเกลื่อนทั้งในและนอกบ้านมากกว่า 20 ปลอก

นอกจากนั้นยังพบรถยนต์ 2 คัน คือ รถปิกอัพ โตโยต้า วีโก้ สี่ประตูสีดำ ทะเบียน งข-4198 นครราชสีมา และรถเก๋ง โตโยต้า ยาริส กน-685 บุรีรัมย์ มีรอยถูกกระสุนยิงถล่มคล้ายกันระบายความแค้นจนเป็นรูพรุนมากกว่า 10 รู ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายพิทพิรุณ พิรภพ หรือแกลบ อายุ 45 ปี ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ปมการก่อเหตุ เพราะความหึงหวงเนื่องจากผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นอดีตสามี แค้นที่เห็นอดีตภรรยาอยู่กับแฟนใหม่ในบ้าน จึงได้ใช้อาวุธปืนลูกซองประจำกายที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนป้องกันรักษาป่า ก่อเหตุกระหน่ำยิงบ้าน รถยนต์ และหวังจะยิงอดีตภรรยา แฟนใหม่ อดีตแม่ยาย และลูกติดอดีตภรรยาอีก 2 คน เพื่อระบายความแค้น

แต่อดีตภรรยา แฟนใหม่ และลูกคนเล็กกระโดดหนีออกหน้าต่าง ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านได้ทันจึงรอดตาย แต่ลูกติดภรรยาคนโตหนีไม่ทันจึงถูกยิงเสียชีวิตคาบ้าน ทั้งนี้ นายพิทพิรุณ ยังได้ใช้ปืนกระบอกดังกล่าวจ่ออดีตแม่ยาย เพื่อหวังระบายแค้นด้วย แต่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนใจทำให้ยายรอดตาย

อดีตภรรยาของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนได้แยกทางกับสามีคนแรกตั้งแต่ลูกคนโตอายุ 3 ขวบ ก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตลอด กระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ อ.โนนดินแดง แล้ว นายพิทพิรุณ ก็มาจีบหลังจากนั้นก็คบหาอยู่กินกันแบบสามีภรรยา แต่ช่วงที่อยู่กินด้วยกัน 2 ปี นายพิทพิรุณ ก็มีนิสัยใจร้อน โมโหร้าย โดยเฉพาะเวลาเมา และหึงหวงมาก เห็นคุยกับใครก็ไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย

ที่ผ่านมาเคยทำร้ายและถือปืนมาขู่ฆ่าตนเอง จึงได้แจ้งความกับตำรวจก็ถูกจับเข้าห้องขังแค่คืนเดียว ก็ปล่อยออกมาก็มาขอโทษตนก็ให้โอกาส แต่ยังมีนิสัยเหมือนเดิม ตนก็เลยขอเลิกเพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว ก็ไม่ได้ติดต่อกันมาประมาณเดือนกว่าแล้ว ประกอบกับตนเองก็มีแฟนใหม่ที่เพิ่งคบหาดูใจกัน ได้ประมาณ 1 เดือน

กระทั่งล่าสุดเมื่อประมาณ 5 ทุ่ม นายพิทพิรุณ ได้โทรศัพท์มาหา แต่ตนไม่รับสายเพราะไม่อยากคุยด้วย ไม่นาน นายพิทพิรุณ ขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้านมาตะโกนเรียกที่หน้าต่าง แต่ตนก็ไม่ออกไป จึงขี่จยย.กลับ ไม่นานก็ขับรถยนต์มีตราข้างรถคล้ายกับรถจนท.มาที่บ้านอีกรอบ พร้อมถือปืนลูกซองยาวมาด้วย แล้วตะโกนให้ตนออกไปหา ตนเห็นท่าไม่ดีก็เลยบอกให้แฟนใหม่หลบออกไปหลังบ้านก่อน

แล้วตนก็พยายามบอกให้ใจเย็น มีอะไรก็ค่อยพูดกันแต่ นายพิทพิรุณ ก็ไม่ฟัง ได้ใช้ปืนกระหน่ำยิงบ้าน ยิงรถยนต์ ตนจึงรีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำแต่ด้วยความเห็นห่วงลูกชายของตน 2 คน ที่ยังอยู่ในบ้าน จึงออกจากห้องน้ำไปดูลูก แต่ นายพิทพิรุณ ก็บุกเข้ามาในบ้าน ตนจึงบอกให้ลูกซ่อนตัว แล้วตนก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเพราะกลัว

กระทั่งเสียงปืนเงียบลงตนจึงรีบกลับมาดูลูกที่บ้านก็พบว่าลูกชายคนโตถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ตกใจมากทำอะไรไม่ถูก จากนั้นเพื่อนบ้านจึงโทรแจ้ง 191 ให้มาตรวจสอบและติดตามตัวผู้ก่อเหตุ รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้ตำรวจจับตายไม่ต้องจับติดคุก หากออกมาอาจมีศพที่สอง เพราะเคยขู่ฆ่าทั้งบ้าน

ด้าน นายสุระ อายุ 44 ปี แฟนใหม่ กล่าวว่า ตนเพิ่งคบหาดูใจกับฝ่ายหญิงได้ประมาณ 1 เดือนเศษ เพราะคิดว่าทั้งสองเลิกรากันแล้ว โดยช่วงที่คบหากันตนก็จะไปๆ มาๆ บางครั้งก็ช่วยรับแม่ของฝ่ายหญิงที่นอนป่วยติดเตียงไปส่ง รพ.ตามหมอนัด แต่เป็นคืนแรกที่ตนมานอนบ้านฝ่ายหญิง ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น

ส่วนตัวไม่ได้คิดจะมาแย่งเพราะเข้าใจว่าเขาแยกทางกันแล้ว แต่หากฝ่ายชายยังต้องการจะคืนดีหรืออยู่กินกับอดีตภรรยาหญิง ก็น่าจะมาพูดคุยกันดีๆ เปิดอกพูดกันแบบลูกผู้ชายไม่น่าจะก่อเหตุรุนแรงแบบนี้ ก็อยากให้ตำรวจเร่งจับกุมตัวให้ได้ เพราะกลัวจะหวนกลับมาก่อเหตุฆ่าคนอื่นอีก ตอนนี้ก็คงไม่มีใครกล้าอยู่บ้านเพราะกลัว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะคำ ก็ได้เร่งออกติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่าน่าจะหลบซ่อนในป่าเพราะเคยลาดตระเวนในป่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน