ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งขาติ เร่งกวาดล้าง “บัญชีม้า” เผยยึดทรัพย์แล้วกว่า 496 ล้านบาท ชี้โทษสูงสุด คุก 10 ปี

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2565 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยข้อมูลจากศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) ว่า ในปัจจุบันยังคงมีการกระทำความผิดของอาชญากรในหลายรูปแบบ เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน และหลังจากที่ได้ทรัพย์สินมาจากการกระทำความผิดแล้ว จะทำให้เกิดอาชญากรรมรูปแบบของการฟอกเงินตามมา

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า การฟอกเงินนั้นส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล อีกทั้งในปัจจุบันกลุ่มอาชญากรต่างๆ มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบของการฟอกเงินให้มีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ ซึ่งคดีมีความแตกต่างจากคดีทั่วไป ต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง และต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เนื่องจากความซับซ้อนและปริมาณของหลักฐานต้องใช้เป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร จึงจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) และมอบหมายให้ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อควบคุมสั่งการ และประสานการปฏิบัติร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน และมูลฐานความผิดที่เชื่อมโยงถึงการฟอกเงิน รวมถึงนายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย

จากข้อมูลสถิติของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 ถึงเดือน มี.ค. 2565 มีการรับร้องทุกข์ในความผิดมูลฐานรวมกว่า 45,000 คดี โดยมีคดีอาญาฐานฟอกเงินกว่า 47 คดี และมีคดีความผิดอาญาฟอกเงินที่สำนักงาน ปปง. ได้เข้าร้องทุกข์จำนวน 23 คดี แบ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับยาเสพติด, ฉ้อโกงประชาชน, การพนันออนไลน์, ความผิดต่อหน้าที่ฯ เป็นต้น มีผลการดำเนินการสืบทรัพย์ ระหว่างเดือน ม.ค. – ก.พ. 2565 จำนวน 149 เป้าหมาย มูลค่าทรัพย์สิน 496,466,249 บาท

ทั้งนี้ การขยายผลยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิด รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามขั้นตอนกฎหมาย ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงินนั้นจะยึดเอา พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เป็นหลัก

ซึ่งได้มีการกำหนดมาตรการพิเศษไว้ทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง โดยมาตรการทางแพ่ง คือ การขอให้ทรัพย์สินที่เกิดจากการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดิน และมาตรการทางอาญา คือ ความผิดอาญาฐานฟอกเงิน รวมถึงผู้สนับสนุน ช่วยเหลือ พยายาม และสมคบกันเพื่อฟอกเงินด้วย และมีการกำหนดโทษให้ผู้ที่กระทำความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ได้กำชับให้เร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทุกรายตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมถึงขอฝากเตือนเกี่ยวกับการรับเปิดบัญชีม้า คือ การรับจ้างเปิดบัญชี หรือให้ผู้อื่นใช้บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เช่น ยาเสพติด ฉ้อโกง การพนันและความผิดฐานฟอกเงิน เป็นต้น โดยมักถูกชักจูงและได้รับค่าเปิดบัญชีเพียงหลักร้อย เมื่อมิจฉาชีพนำบัญชีไปกระทำความผิด เจ้าของบัญชีก็จะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายมีโทษถึงจำคุก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน