พ่อค้า แม่ค้า ร่วมกันทำพิธีตั้งศาลตา-ยาย จัดอาหารคาวหวานเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง หลังเกิดลมหัวกุดพัดถล่มตลาด 3 ครั้งติดๆกัน ผู้เฒ่าผู้แก่เผยเจ้าที่แรง เคยมีศพถูกนำมาทิ้งกว่า 10 ศพ เมื่อกว่า 20 ปีก่อน
จากเหตุการณ์เกิดลมพายุ ซึ่งชาวบ้านเรียก “พายุลมหัวกุด ” พัดเอาเต็นท์ภายในตลาดต้นเพ็ก ตลาดชุมชนขายของป่า ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ลอยปลิวขึ้นไปพาดกับสายไฟฟ้าแรงสูง จนเกิดไฟฟ้าชอร์ต
ทำให้พ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านพากันวิ่งหนีตายอลม่าน เวลา 15.15 น.วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา โดยชาวบ้านระบุไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เกิด 3 ครั้งนับตั้งแต่เปิดตลาดแห่งนี้ แต่ละครั้งจะเกิดขึ้นเวลาประมาณ 15.00 น. ทำให้เชื่อว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนของเจ้าที่เจ้าทางที่สิงสถิตย์อยู่ในบริเวณนี้
ล่าสุดเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 มี.ค.2565 พ่อค้าแม่ค้า ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ร่วมกันประกอบพิธีตั้งศาลตา-ยาย พร้อมกับนำอาหารคาวหวาน เช่น หัวหมู ไก่ต้ม และผลไม้มงคลชนิดต่างๆ มาทำพิธีบวงสรวงและขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าที่เจ้าทาง ตามความเชื่อของชาวอีสาน
โดยในระหว่างทำพิธีพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ที่นี้ ต่างพากันพนมมือและอธิษฐานขอพรให้ตนเองค้าขายดีขึ้น รวมทั้งขอขมาก่อนหน้านี้ไม่ได้ประกอบพิธีเซ่นไหว้บูชาเจ้าที่ นอกจากนั้นยังจุดธูปเสี่ยงทายเลขเด็ดและมองหาเลขที่อยู่บนภาชนะใส่ผลไม้ในพิธีอีกด้วย
อ่าน คลิประทึก! ลมหัวกุด พัดเต็นท์ตลาดปลิว ไฟชอร์ต สัปดาห์เดียวเกิด3ครั้ง
นางทองเลิศ สอนจันทร์ อายุ 56 ปี รองนายก อบต.โพนเพ็ก กล่าวว่า การร่วมกันทำพิธีตั้งศาลตา-ยาย วันนี้ก็เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อพระภูมิเจ้าที่ หรือเทวดาอารักษ์ที่ปกปักรักษาในบริเวณนี้ เพราะก่อนที่จะมีการใช้พื้นที่บริเวณนี้ตั้งเป็นตลาดชุมชนให้ชาวบ้านได้มีพื้นที่ค้าขายสินค้าทางการเกษตร ยอมรับว่า ไม่ได้มีการทำพิธีบอกกล่าวเจ้าที่ จึงอาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นบ่อยครั้ง
” เช่น รถยนต์ของชาวบ้านที่ขับมาบนถนนอยู่ดีๆ พอจะผ่านหน้าตลาดก็เกิดเสียหลัก จนรถยนต์หมุน 3 ตลบ รวมทั้งเหตุการณ์ที่ทำเอาชาวบ้านหวาดกลัวก็คือ ลมหัวกุดที่เกิดขึ้นติดต่อกัน 3 ครั้งซ้อน ภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ซึ่งพัดเอาเต็นท์ทั้งหลังปลิวขึ้นไปพาดสายไฟฟ้าแรงสูง จนชาวบ้านต้องวิ่งหนีตาย วันนี้ได้ร่วมกันทำพิธีฯ เพื่อความสบายใจและความเป็นสิริมงคลให้กับพ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ยึดถือกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ “
