ตำรวจ บุกรวบ พนักงานโรงแรมหรู 5 ดาว เมืองภูเก็ต แอบถ้ำมองลูกค้าสาว ขยับมือยิกๆ กว่า 10 นาที ชี้ ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวจังหวัด
จากกรณีมีนักท่องเที่ยวสาวชาวไทยรายหนึ่งโพสต์เตือนภัยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวหลังจากเข้าพักที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีข้อความระบุว่า “Night Manager โรงแรมหรูแห่งหนึ่งใน ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ได้มีพนักงานกะกลางคืนแอบดูลูกค้าทำธุระส่วนตัวพร้อมช่วยตัวเอง เป็นเวลากว่า 10-15 นาทีเลย + General Manager ห่วงเวลานอนของตัวเอง ไม่เข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากเหตุเกิดเวลาตี 3 กว่า”
หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีการแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต โดยมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จังหวัดภูเก็ตเข้าไปตรวจสอบภายในห้องพักของโรงแรมดังกล่าวแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบและเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาตรวจดีเอ็นเอที่ สภ.เมืองภูเก็ต แล้ว อ่านข่าว : สาวกรี๊ด! พักโรงแรมดัง 5 ดาว ภูเก็ต ผู้จัดการโรงแรมปีนแอบดูอาบน้ำ สาวหนอนโชว์
ตำรวจ บุกรวบ พนักงานโรงแรมหรู 5 ดาว เมืองภูเก็ต แอบถ้ำมองลูกค้าสาว ขยับมือยิกๆ กว่า 10 นาที
สำหรับโพสต์ดังกล่าวมีคนแชร์กว่า 800 ครั้งแล้ว ต่างสอบถามและค้นหาข้อมูลว่าโรงแรมที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมแห่งใด จะได้ไม่ไปใช้บริการ และวิพากษ์วิจารณ์ว่าขนาดโรงแรมหรู 5 ดาว ยังบริหารจัดการแย่มาก อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบไปยังโรงแรมดังกล่าวที่ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัย กลับพบว่ายังไม่มีการแถลงข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
จากนั้น น.ส.กมลชนก (ขอสงวนนามสกุล) ผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.ภาณุกร แว่นแก้ว สารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมทั้งให้ปากคำและแจ้งความร้องทุกข์ตามคดีอาญาที่ 715/2565
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ออกหนังสือชี้แจงโดย พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ซึ่งสั่งการให้ พ.ต.อ.สราวุธ ชูประสิทธิ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ตรวจสอบคดีดังกล่าว จากการสืบสวนสอบทราบชื่อผู้ต้องหาคือ นายนพดล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา ให้ผู้ต้องหาทราบการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน
“บุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน เข้าไปกระทำการใด อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ เขาโดยปกติสุข, กระทำอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้อับอายหรือเดือดร้อนรำคาญในลักษณะส่อไปในทางล่วงเกินทางเพศ”
สำหรับการกระทำดังกล่าว เสียหายต่อภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวคือ “ภูเก็ตบ้านเรา” ผู้กระทำยังต้องรับโทษทางอาญา ขอเตือนมายังผู้ที่คิดจะกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวต่อไป
