ฝนตกหนัก หญิงวัย 53 ปี ออกไปต้อนวัวเข้าคอก ฟ้าผ่าเปรี้ยงเดียว เสียชีวิตกลางทุ่งนา สลด วัว 9 ตัวยืนเฝ้าศพไม่ห่าง ผัวเผยสิ่งล่อฟ้า
วันที่ 17 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านตะไก้ ม.2 ต.โคกสะอาด อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ว่า มีฟ้าผ่าชาวบ้านขณะเลี้ยงวัวจนเสียชีวิตอยู่บริเวณกลางทุ่งนา หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ จุด ต.เมืองแฝก กำลังนำร่างของ นางวนิดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ผู้เสียชีวิต ไปส่งที่บ้านพักเพื่อให้ญาติประกอบพิธีทางศาสนา ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติ ๆ เป็นอย่างมาก
จากการสอบถาม นางทองใบ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี มีศักดิ์เป็นหลานของผู้ตาย กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนกับผู้ตายได้ออกไปทุ่งนา ขณะนั้นฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ตอนนั้นตนกับผู้ตายอยู่ในกระท่อมนา หลังจากฝนเริ่มตก ผู้ตายก็หันมาบอกกับตนว่า จะไปย้ายวัวที่ผูกไว้กลางทุ่งนาเพื่อกลับเข้าคอก
นางทองใบ กล่าวต่อว่า จากนั้น ฝนตกลงมาอย่างหนัก ฟ้ามืดมองก็ไม่เห็น สักพักใหญ่ ๆ ได้ยินเสียงฟ้าผ่าดัง “เปรี้ยง” เมื่อฝนเริ่มหยุด เห็นวัวที่ผู้ตายเลี้ยงไว้ 9 ตัว รวมตัวอยู่เป็นกลุ่มที่เดียว รู้สึกผิดสังเกต ตนจึงเดินไปดูก็พบว่า ฝูงวัวยืนเฝ้าศพเจ้าของที่โดนฟ้าผ่า
ด้าน นายสะการ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี สามีของผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ตักเตือนภรรยามาตลอดว่า ขณะฝนตกห้ามเอาวัวกลับเข้าคอก ให้รออยู่กระท่อมให้ฝนหยุดตกก่อน แต่ภรรยาไม่ฟัง ส่วนสาเหตุที่ฟ้าผ่าภรรยาของตน ส่วนตัวคาดว่าน่าจะเป็นต่างหูเงินที่ภรรยาใส่ประจำ ซึ่งอาจจะเป็นสื่อล่อสายฟ้า
นายสะการ กล่าวต่อว่า เพราะขณะเกิดเหตุภรรยาไม่ได้พกโทรศัพท์หรือใส่สร้อยแหวนอย่างอื่นที่เป็นสื่อล่อสายฟ้า ประกอบกับต่างหูเงินข้างซ้ายได้หลุดหายไป และศพเมียมีเลือดไหลออกหูด้วย จึงอยากฝากเตือนให้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนเลี้ยงวัวหรือสัตว์เลี้ยง เวลาฝนตกไม่ต้องรีบต้อนวัวเข้าคอก ให้รอฝนหยุดตกก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเหมือนกับครอบครัวของตน