อสส. แจงความคืบหน้าคดี ‘ฆาตกรรมบิลลี่’ อยู่ในขั้นพิจารณา ด้านคดีชัยวัฒน์ บุกเผาบ้านปู่คออี้ กลับไม่คืบ ตีกลับสำนวน ให้ปปท.ดำเนินการ หวั่นขาดอายุความ

วันที่ 26 พ.ค65 มึนอ-พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของ บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ เข้าติดตามความคืบหน้าใน 2 คดี ต่ออัยการสูงสูด (อสส.) ได้แก่ คดีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รื้อถอนเผาทำลายทรัพย์สินของปู่คออี้และชาวบ้านบางกลอย เมื่อปี 2554 กับคดีการบังคับสูญหาย และ คดีฆาตกรรมนายบิลลี่ รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินทำกินชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย เมื่อปี 2557 โดย นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับหนังสือและแถลงความคืบหน้าคดี

นายประยุทธ แถลงว่า ในกรณีที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวก เข้ารื้อถอนและเผาบ้านเรือนและยุ้งข้าวของปู่คออี้และชาวบ้านบางกลอย จนปู่คออี้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีและสำนวนถูกส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นั้น นายประยุทธได้ตรวจสอบไปที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 พบว่า พนักงานอัยการได้ส่งสำนวนคืนให้ป.ป.ท. เนื่องจาก ป.ป.ท. สรุปความเห็นมาไม่ครบถ้วน

โดยเดิม ป.ป.ท. ส่งฟ้องนายชัยวัฒน์ใน 3 ข้อหา ได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบมาตรา 157 วางเพลิงเผาทรัพย์มาตรา 218 ซึ่งมีโทษประหารชีวิต และข้อหาทำให้เสียทรัพย์มาตรา 358 แต่กลับสรุปความเห็นสั่งฟ้องมาตรา 157 ข้อหาเดียวเท่านั้น พนักงานอัยการจึงยืนยันว่า ต้องสรุปความเห็นมาให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเฉพาะมาตรา 218 ที่มีโทษร้ายแรง เนื่องจากสามารถดำเนินคดีได้ครั้งเดียว ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างรอ ป.ป.ท. แก้ไขสำนวน โดยนายประยุทธเสริมว่า “ป.ป.ท. จะต้องดำเนินการโดยเร็ว ไม่ให้คดีขาดอายุความ”

ส่วนกรณี ฆาตกรรมบิลลี่ พอละจี อสส. เคยแถลงแล้วครั้งหนึ่งว่า อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ไปบางข้อหาในข้อหาฆาตกรรมบิลลี่ และมีสั่งไม่ฟ้อง 3 ข้อหา สำนวนจึงถูกส่งกลับไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยดีเอสไอมีความเห็นแย้ง อัยการจึงสั่งสอบเพิ่ม ขณะนี้ทางอัยการได้รับสำนวนที่ดีเอสไอสอบเพิ่มเติมมาแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของอัยการที่เกี่ยวข้อง โดยจะได้เสนออัยการสูงสุดต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน

ด้าน นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวหลังจากได้รับฟังแถลงความคืบหน้าคดีจาก อสส. ว่า ในคดีนายชัยวัฒน์เผาบ้านเรือนปู่คออี้และชาวบ้านบางกลอย ศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยแล้ว และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ได้จ่ายเงินชดเชยแล้ว ส่วน ป.ป.ท. ใช้เวลาอีกหลายปี จึงชี้มูลว่าการกระทำของนายชัยวัฒน์เป็นความผิดร้ายแรง

โดย ป.ป.ท. ได้ส่งเรื่องให้อัยการฟ้องแล้ว แต่เวลาผ่านมาเกินหนึ่งปีแล้วอัยการก็ยังไม่สั่งฟ้องแต่อย่างใด ตนกังวลว่าเรื่องจะล่าช้าจนคดีขาดอายุความเสียก่อน เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นมานานกว่า 11 ปี และมาตรา 157 ก็มีอายุความเพียง 15 ปีเท่านั้น

“ที่อัยการแถลงว่าต้องส่งสำนวนกลับไปให้ ป.ป.ท. ทำให้สมบูรณ์ ผมมองว่า ป.ป.ท. ก่อตั้งมานานแล้ว และส่งสำนวนในแนวนี้ตลอด ซึ่งอัยการก็สั่งฟ้อง ศาลก็ตัดสิน ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่คดีนี้เป็นคดีแรกที่อัยการส่งเรื่องกลับ ป.ป.ท. โดยไม่มีการสั่งฟ้องใด ๆ ทั้ง ๆ ที่ในคดีอื่นอัยการก็วินิจฉัยและสั่งฟ้องให้มาตลอด” นายสุรพงษ์ ตั้งข้อสังเกต

นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คดีการหายตัวไปของบิลลี่ พอละจี ดีเอสไอชี้แล้วว่าเป็นคดีฆาตกรรม ซึ่งในตอนแรกอัยการชั้นต้นเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอ กระทั่งอัยการสูงสุดได้นำมาพิจารณาใหม่และยืนยันไปที่ดีเอสไออีกครั้ง จึงขอขอบคุณโฆษก อสส. ที่ยืนยันว่าได้สรุปเรื่องเหล่านี้แล้ว จึงขอให้ทุกคนติดตามว่าอัยการจะสั่งอย่างไรต่อไปในคดีดังกล่าว และหวังว่า อสส. จะรื้อฟื้นความเชื่อมั่นที่จะดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วกลับมาได้

นายสุรพงษ์ ยังฝากทุกคนติดตามเรื่องการผ่านพรบ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. ซึ่งผ่านการพิจารณาของ ส.ส. แล้ว และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นพิจารณาโดยวุฒิสภา จึงหวังว่าวุฒิสภาจะผ่านร่างกฎหมายนี้โดยเร็ว ไม่ให้เกิดกรณีแบบบิลลี่ขึ้นในสังคมอีก

ด้าน มึนอ พิณนภา ภรรยาของบิลลี่ที่เดินทางมายื่นหนังสือด้วยตนเองในวันนี้ สะท้อนปัญหาของชาวกะเหรี่ยงบางกลอยว่า ตั้งแต่ที่บิลลี่ได้เข้าไปช่วยปู่คออี้ในเรื่องที่ดินจนถูกทำให้หายตัวไป ปัจจุบันพี่น้องก็ยังคงมีปัญหาเรื่องที่ดินอยู่ โดยตอนนี้ที่ดินที่ไม่ได้ใช้ทำกินก็โดนเก็บภาษีมากขึ้นและคิดภาษีสูงกว่าที่ดินที่ใช้ทำกินเสียอีก ซึ่งตนมองว่าไม่ยุติธรรม และได้กล่าวถึงความรู้สึกต่อคดีบิลลี่ว่า

“ยังมีความหวังอยู่ แต่เรารอมานานมาก ตอนนี้บิลลี่หายไป 8 ปีแล้วก็ยังไม่ได้รับความยุติธรรม เราติดตามคดีมาหลายปี รู้สึกเสียเวลาที่ต้องมาติดตาม เพราะต้องมาไกล มาครั้งหนึ่งก็ลำบาก อีกอย่างคือ เราได้ยินว่ามีผู้ใหญ่บางท่านบอกว่าเรื่องบิลลี่จบไปแล้ว เรามองว่า เป็นถึงผู้ใหญ่ทำไมถึงพูดแบบนั้น เวลามีใครถามเราจะบอกว่าเรื่องบิลลี่ยังไม่จบและยังอยู่ในกระบวนการ ต้องขอขอบคุณอัยการที่ช่วยดำเนินเรื่องด้วย”

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนติดตามความคืบหน้ากับอัยการในคดีบังคับสูญหายและฆาตกรรมบิลลี่ต่อไป รวมถึงร่วมกันเร่งรัดให้มีการสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ในคดีเผาบ้านเรือนของชาวบางกลอยไม่ให้ขาดอายุความ เพื่อคืนความยุติธรรมให้ผู้เสียหาย และติดตามให้วุฒิสภาผลักดันให้พรบ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. เป็นกฎหมายโดยเร็ว ไม่ให้มีเจ้าหน้าที่ลอยนวลพ้นผิดจากการกระทำละเมิดประชาชนอีกต่อไป

 

ติดตามสรุปคดีการหายตัวไปของ บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ อย่างละเอียด ได้ที่ https://www.facebook.com/CrCF.Thailand/photos/a.417098988337393/3877729972274260/

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน