มหาสารคาม ก๊าซหุงต้มราคาแพง ประชาชนปรับตัวหันใช้เตาถ่าน ทำให้เจ้าของร้านทำเตา อ.วาปีปทุม ต้องเร่งมือผลิตเตาฟืนให้ทันต่อยอดสั่งซื้อของลูกค้าทั่วประเทศ ที่เพิ่มสูงเป็นเท่าตัว
21 มิ.ย. 65 – ที่บ้านเลขที่ 53 บ้านน้ำโจ้ก ม14 ต.ดงใหญ่ อ.วาปีปทุม 2 สามีภรรยา เร่งผลิตเตาถ่านเพื่อเตรียมส่งขายให้กับลูกค้า หลังมีลูกค้าจากทั่วประเทศสั่งทำเตาเพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากปัจจุบันประชาชนต้องเผชิญสถานการณ์ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสูงขึ้น ราคาแก๊สหุงต้มปรับราคาสูงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ลูกค้าหันมาใช้เตาฟืนเตาถ่านมากขึ้น เพราะสามารถใช้ไม้หรือวัสดุทางการเกษตรมาเป็นเชื้อไฟในการให้ความร้อนประกอบอาหาร
นางทุมมา พุทธมา เจ้าของร้านทำเตา กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงที่ราคาแก๊สปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ชาวบ้านหันมาใช้เตาฟืนเตาถ่านกันมากขึ้น ลูกค้ายอดสั่งจองเพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนจะสูงจนต้องขึ้นราคาเตาเมื่อตอนต้นปีแต่ลูกค้าก็ไม่บ่น ยังต่อคิวจองซื้ออย่างไม่ขาดสาย โดยจากเดิมจากที่เคยผลิตได้วันละ 100 เตา แต่ปัจจุบันต้องเร่งผลิตเพิ่มเป็น 200 เตา ก็ยังไม่พอกับความต้องการของลูกค้า เพราะมีลูกค้ามารับซื้อจากทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย
สำหรับการทำเตาเริ่มจากนำปูน ดินทราย และหินเกล็ด ผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นจึงนำไปเทใส่แม่พิมพ์เตาที่ทาน้ำมันเครื่องไว้แล้ว ทั้งนี้เพื่อกันไม่ให้ปูนติดพิมพ์แล้วแกะออกยาก เมื่อเทปูนแล้วต้องใช้ไม้แทงปูนให้แทรกเต็มพิมพ์
ซึ่งขั้นตอนนี้ถือเป็นเคล็ดลับที่ทำให้เตามีความแข็งแรงคงทน อายุการใช้งานได้นาน จากนั้นจึงใช้เกียงปาดปูนที่ฐานเตาให้เรียบ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแกะออกมาตากแดดอีกประมาณ 3 ชั่วโมง ติดรังผึ้งซึ่งทำจากดินเผา ก็เป็นอันเสร็จพร้อมขายได้
ทั้งนี้เตาไฟที่ตนทำขายมีอยู่ 2 แบบคือ เตาฮ๊าด ซึ่งเป็นเตาปากอ้าไม่ติดรังผึ้ง เน้นเติมเชื้อไฟด้วยไม้ฟืน และเตาซิ่ง ซึ่งติดรังผึ้งกันระหว่างชั้นใส่ถ่านไม้หรือไม้ฟืนกับชั้นขี้เถ้า ส่วนราคาขายปลีกจะขึ้นตามขนาด ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 50 ไปจนถึง 100 บาท แต่ถ้าลูกค้ากลุ่มขายส่งที่มารับซื้อถึงที่ในจำนวนมากก็จะมีราคาพิเศษให้
ทั้งนี้ เตาที่ตนผลิตจะมีจุดเด่น คือ ประหยัดไฟ ให้ไฟแรงและยาวนาน เพราะตัวเตาก้นลึก ความร้อนกระจายออกได้น้อย ตัวเตามีความทนทาน ลูกค้าซื้อไปใช้ได้นานหลายปี อีกทั้งราคาถูก เพราะขายราคา 40 – 100 บาท ทำให้ลูกค้ามาซื้อต่อเนื่อง
ปัจจุบันนี้ตนมียอดขายเตาไฟอยู่ที่วันละประมาณ 6,000 บาท รวมรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายก็ทำให้ครอบครัวตนมีรายได้รวมกันเดือนละเกือบ 100,000 บาท ซึ่งอาชีพนี้ถือว่าทำให้ครอบครัวตนมีอยู่มีกินและส่งลูกเรียนจนจบ โดยไม่ต้องเดินทางไปทำงานหาเงินต่างถิ่น
