สุราษฎร์ฯ เริ่มมาตราการส่องกล้องจับความเร็ว ถนนเสี่ยงย่านการศึกษาตามโครงการถนนสีขาว พร้อมออกใบสั่งเตือนเพื่อประชาสัมพันธ์ก่อนจับจริง เพื่อลดอุบัติเหตุ

วันที่ 22 ม.ค. นายมานพ สุทธิพงศ์ ขนส่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ณฐกรญ์ กาญจนาภรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ขนส่ง ตำรวจทางหลวง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ จร.สภ.ขุนทะเลและ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ตั้งจุดส่องกล้องจับความเร็วบนถนนสายสุราษฎร์ฯ-นาสาร ทางหลวงหมายเลข 4009 ฝั่งขาเข้าเมือง พื้นที่ ม.1 ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี

เพื่อตรวจจับรถที่ใช้ความเร็วเกินกำหนด ตามมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ ถนนสายสุราษฎร์-นาสาร ตลอดระยะเส้นทางประมาณ 10 กิโลเมตร ตามมาตรการป้องกันอุบัติเหตุในโครงการถนนสีขาวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายมานพ สุทธิพงศ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการทดลอง ใช้กล้องยิงความเร็วตรวจจับรถที่ขับเกินความเร็ว ที่กำหนด พร้อมการออกใบสั่งเตือน ถือเป็นมาตราการเริ่มต้น เพื่อแนะนำประชาสัมพันธ์ถึงมาตราการ บังคับใช้เรื่องของความเร็ว เส้นทางสายนี้ถือว่าเป็นเส้นทางที่ยังอยู่ในเขตเทศบาลซึ่งจะกำหนดความเร็วไว้ รถเล็ก และรถจักรยานยนต์ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม.ต่อชม. ส่วนรถใหญ่ใช้ความเร็วไม่เกิน 45 กม.ต่อชม.

ส่วนการบังคับใช้กฏหมายต้องมีการออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ขณะนี้ถือว่าช่วงที่ยังรอข้อบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ช่วงนี้จะประชาสัมพันธ์แนะนำ และกระตุ้นเตือนให้คนใช้ถนนสาย 4009 ตระหนักว่าเมื่อใช้ถนนเส้นทางสายนี้ จะต้องชะลอความเร็ว ตามข้อบังคับ ซึ่งทุกหน่วยงานได้บูรณาการร่วมกัน เพื่อเป็นการป้องปรามอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งสาเหตุหนึ่งคือการที่ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วเกินกฏหมายกำหนด

สำหรับถนนเส้นนี้รถใหญ่ยังเป็นเป้าหมายแรกที่ต้องการจำกัดความเร็วให้ลดความเร็ว อยู่ที่ 45 กม.ต่อชม. ในส่วนของรถเล็กจะหาข้อเสนอความคิดเห็นอีกครั้ง ว่าการใช้ความเร็วที่บังคับกับรถขนาดเล็ก 60 กม.ต่อชม. นั้นแล่นช้าไปหรือไม่ หรือจะทำให้การจราจรติดขัดหรือไม่ เพื่อเอาความเห็นไปพิจารณาปรับทบทวน แต่ถ้าดีต่อส่วนรวมอาจจะยืนใช้เหมือนเดิม

ด้านพ.ต.อ.ณฐกรญ์ เปิดเผยว่า เนื่องจากที่ผ่านมาสถิติตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุบนถนนเส้นดังกล่าวค่อนข้างสูง พบจุดเสี่ยงอันตรายกว่า 15 จุด ตลอดเส้นทาง 10 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นย่านการศึกษา มีมหาลัยใหญ่ 2 แห่ง และโรงเรียน ส่วนราชการอื่นๆ หลายแห่ง มีทั้งชาวบ้านและประชากรแฝงอาศัยจำนวนมาก

และเป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองและแยกไปยังอำเภออื่นๆได้ ทำให้มีรถใช้ถนนเส้นนี้อย่างหนาแน่นและหลากหลายทั้งรถยนต์ รถตู้ รถจักรยานยนต์นักศึกษา รถบรรทุกยาง และรถพ่วงบรรทุกแร่ ที่ต้องใช้เส้นทางนี้ วันละนับหมื่นคัน ทำให้หลายครั้งเกิดเหตุรุนแรงจากการขับเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทัน ทั้งนี้ขอฝากถึงผู้ที่ใช้รถใช้ถนนให้เคารพกฎหมายในการขับขี่ เพื่อความปลอดภัยต่อทรัพย์สินของตัวเองและผู้อื่นต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน