พี่สาวโต้ “เวนิส บ.ข.ส.” อดีตนักมวยแชมป์โลก ยังไม่ตาย แต่ป่วยหนักช็อกจากโรคความดัน เบาหวาน รักษาตัวในรพ.ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 26 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีมีข่าวว่า อดีตแชมเปี้ยนโลกขวัญใจแฟนมวยชาวไทย เจ้าของฉายา”ซ้ายพญายม” เวนิส บ.ข.ส. หรือ นายประเวศ หรือเวศ พลเชียงขวาง อายุ 73 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านโคกสว่าง ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม กลายเป็นข่าวว่าเสียชีวิตเผยแพร่ผ่านทางสื่อโซเชียล ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่าไม่เป็นความจริง จากการสอบถาม นางณิยมรัศม์ พลเชียงขวาง อายุ 78 ปี พี่สาวของ เวนิส บ.ข.ส. ยืนยันว่า เวนิสยังรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลนครพนม หลังเกิดอาการช็อกจากโรคความดัน เบาหวาน ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.65 ภายหลังแพทย์ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพนม ปัจจุบันอาการยังทรงตัว อยู่ระหว่างการดูแลรักษาของแพทย์ พยาบาลอย่างใกล้ชิด สำหรับ เวนิส บ.ข.ส. แชมป์โลกหมัดซ้ายพญายม หรือนายประเวศ พลเชียงขวาง หรือเวศ ปัจจุบันอายุ 73 ปี เป็นแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต เป็นแชมป์โลกคนที่ 4 ของประเทศไทย ต่อจากโผน กิ่งเพชร, ชาติชาย เชี่ยวน้อย, เบิกฤกษ์ ชาติวันชัย

มีใจรักในอาชีพนักมวยมาตั้งแต่เด็กสมัยเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา เนื่องจากชีวิตครอบครัวยากจน จึงอยากมีรายได้จากการชกมวยเพื่อแลกค่าตัว ทำให้เดินสายรับจ้างชกมวยตามงานวัดตั้งแต่ค่าตัวไม่กี่ร้อยบาท เนื่องจากพี่ชายทำค่ายมวยในชื่อ ค่ายพายทอง จนกระทั่งมีแวว จึงไต่เต้าขึ้นมาตั้งแต่มวยวัดจนถึงระดับมวยอาชีพ จนกระทั่งเรียนจบชั้นมศ.3 ในสมัยนั้น จากโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย โรงเรียนประจำจังหวัดนครพนม จึงมีคนมาชักชวนไปอยู่กับค่ายมวยชื่อดัง ค่ายมวย บ.ข.ส. ที่กทม. โดยเริ่มจากมวยแทนจนกระทั่งเป็นนักมวยขึ้นชั้น จากมวยไทยสู่มวยสากล ทำให้ได้แชมป์มวยรอบครั้งแรก ศึกมวยรอบพ็อบท็อป เมื่อประมาณปี 2508 ได้ค่าตัวประมาณ 1,500 บาท กลายเป็นแรงบันดาลใจมุ่งมั่นในการฝึกซ้อม

จนกระทั่งก้าวขึ้นสู่มวยแชมป์ ฟลายเวตประเทศไทย เวทีลุมพินี เมื่อปี 2513 แชมป์โลกรุ่นฟลายเวต WBC เมื่อปี 2515-2516 และแชมป์แบนตัมเวทประเทศไทย เวทีราชดำเนิน เมื่อปี 2522-2524 ซึ่งเคยได้รับค่าตัวสูงสุดที่ประมาณ 1.2 ล้านบาท ทำให้ชีวิตอนาคตรุ่งเรืองสูงสุดในยุคนั้น ไม่แตกต่างนักมวยชื่อดัง และดาราดังระดับประเทศ จนมีวงการละครมาทาบทามไปแสดงละคร ทั้งนี้ นายประเวศ เคยเปิดเผยชีวิตสุดแสนรันทดกับผู้สื่อข่าวว่า ชีวิตไม่เที่ยงแท้ เคยรุ่งโรจน์มาตลอดจนกระทั่งชีวิตเข้าสู่ขาลง จนทำให้ต้องแขวนนวมลาวงการมวยหลังจากชกมวยแพ้หลายครั้ง เนื่องจากสภาพร่างกายถดถอยตามกาลเวลา จนต้องอำลาวงการเมื่อประมาณปี 2524 ซึ่งมีอายุประมาณ 32 ปี โดยทางบริษัทขนส่ง หรือบ.ข.ส. บรรจุเข้าเป็นพนักงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ แต่ตัดสินใจลาออกหลังทำงานได้ประมาณ 10 ปี เพื่อกลับบ้านเกิดหันมาทำงานเปิดบริษัทจัดหางานส่งแรงงานไปต่างประเทศ พร้อมปักหลักสร้างครอบครัวแต่งงานกับภรรยาคนแรก คนบ้านเดียวกัน จนมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่โชคไม่เข้าข้าง ทำธุรกิจได้ประมาณ 5 ปี เกิดปัญหาขาดทุนจากบริษัทใหญ่ล้ม ทำให้ทรัพย์สินที่เคยมีหลายสิบล้านบาทหายไปในระยะเวลาไม่กี่ปี จนเป็นหนี้สิน ชีวิตตกต่ำ เพราะไม่มีรายได้ที่มั่นคง ที่สำคัญครอบครัวกลับแตกแยกไปคนละทางเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งปัจจุบันลูกชายและลูกสาวไปอาศัยอยู่กับแม่ ทำงานมีครอบครัวที่ประเทศแคนาดา จนกระทั่งสุดท้ายบั้นปลายของชีวิต ต้องมาทำไร่ทำนา อาศัยรายได้เบี้ยยังชีพคนแก่ ส่วนภรรยาคนล่าสุด ชาว อ.นาแก จ.นครพนม เสียชีวิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้อยู่ลำพัง อาศัยพี่น้องดูแลช่วยเหลือตามสภาพ จากบรรดาพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นคนที่ 4 ที่สำคัญความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิตนอกเหนือจากรางวัลเกียรติยศ ในวันที่ 29 ก.ค.2515 ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก ได้แชมป์ฟลายเวต WBC ซึ่งถือเป็นแชมป์สูงสุดของนักมวยระดับโลก ชกกับนักมวยแชมป์โลก เบตูลิโอ กอนซาเลซ ชาวเวเนซุเอลา เวนิสชนะคว้าแชมป์ พร้อมได้รับพระราชทานเข็มรางวัล และเคยเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อีกทั้งพระองค์ได้เสด็จฯทอดพระเนตรการชกมวยด้วยพระองค์เอง หลังจากชนะแล้ว ลงจากเวทีเพื่อเข้าเฝ้าฯกราบฝ่าพระบาท พระองค์ทรงตรัสถามว่า เจ็บไหม เหนื่อยไหม เก่งมากหนู ขอให้รักษาแชมป์ไว้นานๆ แบบรุ่นพี่ และยังทอดพระเนตรด้วยแววตายิ้มแย้ม เมตตา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น หาที่สุดมิได้ และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตที่พระองค์ทรงมีพระเมตตา ตนในฐานะพสกนิกรชาวไทย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สิ่งเดียวที่ตอบแทนได้คือทำความดีเพื่อสังคม และไม่สร้างปัญหากับสังคม ที่มา มติชนออนไลน์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน