ไม่ปล่อยไว้! ตร.บุกรวบ คาบ้าน ‘เจ๊เหมย’ ปล่อยกู้ดอกมหาโหด 921.5 ต่อปี แฉพฤติกรรมทวงหนี้สุดเถื่อน บุกรุมตบ-ถ่ายคลิปประจานทางโซเซียล
วันที่ 9 ก.ย.65 พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. ในฐานะศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ (ศปน.ตร.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุดในจังหวัดขอนแก่น ประกอบไปด้วยบ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 ต.สีชมพู อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น, ห้างทองเหมย เลขที่ 399,399/1 หมู่ 10 ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู และ บจก.สมคิดลิสซิ่ง เลขที่414/7 หมู่ 20 ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น
ก่อนเข้าจับกุม น.ส.ณัฏฐนิช หรือ เจ๊เหมย และ นายฤกษ์ชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่1817-1818/2565 ลงวันที่ 31 ส.ค.65 ข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด พร้อมของกลาง โทรศัพท์ 12 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง , ไอแพด 1 เครื่อง,สมุดบัญชี 9 เล่ม,เอกสารเกี่ยวกับเงินกู้ 40 ฉบับ,รถยนต์หรู 2 คัน,เงินสด 1 แสนบาท,ทองรูปพรรณ หนัก 200 บาท สัญญากู้ยืมเงิน ,สมุดบัญชีรายชื่อลูกหนี้ 6 ฉบับ
จากการจับกุมทราบว่า ก่อนหน้า ศปน.ตร. รับร้องเรียนว่า มีนายทุนเงินกู้ ที่จ.ขอนแก่น ชื่อ เจ๊เหมย ที่ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 912.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เมื่อลูกหนี้มีปัญหาก็จะส่งคนมาข่มขู่ หากผิดนัดชำระหนี้จะตามทำร้ายร่ายกายถึงบ้าน ถ่ายคลิปประจาน เพื่อสร้างความอับอายให้กับลูกหนี้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าตรวจสอบ จนทราบว่า เจ๊เหมย คือ น.ส.ณัฏฐนิช และ นายฤกษ์ชัย ซึ่งเป็นสามี ที่ร่วมกันปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยใช้เพจเฟซบุ๊ก ชื่อว่า “แชร์บ้านเหมย” ลงคลิปชักชวนให้มากู้เงิน นอกจากนี้ยังปล่อยเงินกู้ลักษณะอำพราง เช่น ผ่อนทอง หรือสินค้าแบรนด์เนม
ที่สำคัญก็คือลงคลิปประจานลูกหนี้ที่ค้างชำระ โดยมีการทำร้ายร่างกายลูกหนี้จำนวนหลายคลิปเพื่อประจาน และข่มขู่ลูกหนี้รายอื่นไม่ให้เอาเยี่ยงอย่าง นอกจากตัวเจ๊เหมยแล้ว ก็ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย จึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนเข้าจับกุมดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ภาดล เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะใช้สื่อฯช่องทางต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊ก , ไลน์ เพื่อชักชวน จนมีผู้มาขอกู้ยืนเงินเป็นจำนวนมาก ส่วนวิธีการเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยจะใช้วิธีการเรียกเก็บดอกเบี้ยรายวัน ประมาณ ร้อยละ 2.5 ต่อวัน หรือ 912.5 ต่อปี ซึ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบ สร้างความเดือนร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เบื้องต้นสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีต่อไป
