นอนรอคิว5คืน สายมูแห่ดูดวง พระวัดดังเชียงใหม่ วัฒนธรรมจังหวัด ห่วงไม่เหมาะ กังวลกระแสโซเชียล หวั่นเกินเลยคำว่า ศาสนสงเคราะห์

จากกรณีสายมูทั่วประเทศ หอบกระเป๋ามานอนวัดรอคิวดูดวงเปลี่ยนชื่อ ที่หน้ากุฏิพระตุ๋ย หรือ พระษัทฎพรรษ ภายในวัดทุงยู ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังมีเสียงร่ำลือปากต่อปาก มีการแชร์ประสบการณ์ดูดวงกับพระตุ๋ยในโซเชียล ถึงความแม่นยำ เปลี่ยนชื่อแล้วชีวิตดีขึ้น จนสายมูพากันหลั่งไหลมาที่วัดจำนวนมาก บางคนมานอนรอคิว 5 คืน เนื่องจากพระตุ๋ยเปิดรับดูดวงวันละ 20 คิวเท่านั้น โดยเริ่มคิวแรกเริ่มตั้งแต่03.00น. จนครบ 20 คิวก่อน 11.00 น. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 15 ก.ย.2565 พระครูสมุห์บุญเรือง โชติปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดทุงยู เปิดเผยว่า พระตุ๋ย มาจากวัดกู่เสือ อ.สารภี มาขอจำวัดที่วัดทุงยูตั้งแต่ปี 2554 เป็นระยะเวลา 11 ปี โดยพระตุ๋ยบอกว่า จะมาขอเปิดดูดวงให้กับผู้ที่ศรัทธา และจะมาช่วยพัฒนาวัด ที่ผ่านมาพระตุ๋ยรับดูดวงตามปกติ ให้กับญาติโยมที่มีความเชื่อและมีเรื่องทุกข์ร้อนใจมาขอให้ช่วย กระทั่งมีการนำเรื่องราวไปเผยแพร่ในโซเชียล ทำให้ผู้คนมาดูดวงกันจำนวนมาก

พระครูสมุห์บุญเรือง กล่าวต่อว่า อาตมาเกรงว่าจะเกิดปัญหา จึงเรียกพระตุ๋ยมาพูดคุย อย่าให้มีปัญหา หากเกิดเรื่องขึ้นมาก็ให้รับผิดชอบด้วย โดยเฉพาะเรื่องการตั้งกฎของพระตุ๋ย ที่เปิดดูดวงวันละ 20 คิว ที่เหลือก็ให้จัดสรรคิวรอกัน เรื่องนี้ทางพระตุ๋ย ก็รับปากว่าจะไม่ให้มีปัญหา

แต่คนที่มาก็พากันไปหาที่นอนมั่วไปหมด ทั้งในวิหารในศาลาที่มีรูปปั้นเหมือนพระเกจิดัง ทำให้ญาติโยมที่มาทำบุญลำบาก ทางวัดมีการเขียนป้ายห้าม แต่ก็ไม่มีใครเชื่อหรือปฏิบัติตาม ทางวัดจึงได้ปิดประตูศาลารูปปั้นพระเกจิ ห้ามเข้ามา และให้ไปนอนข้างนอกวัด ห้ามมานอนที่ศาลาอีกต่อไป เพราะไม่มีระเบียบ

ส่วนพระตุ๋ยนั้นก็ช่วยพัฒนาวัดมาโดยตลอด ทางวัดอยากได้อะไรก็บอก ทั้งทำรั้วใหม่ มุงหลังคาศาลาหอประชุมของวัด วิหาร อุโบสถ เพียงแค่บอกทางวัดต้องการอะไร พระตุ๋ยจะดำเนินการให้ทันที ก็อยู่กันไป แต่อย่าให้มีปัญหา ได้ควบคุมดูแลดี ๆ และที่บอกว่า พระดูดวงนั้น มีกฎว่าไม่เหมาะ เรื่องนี้คิดว่า พระเกจิหลายๆองค์ก็ดูดวงกันมาตั้งแต่โบราณแล้ว เพียงแต่อย่าให้เอิกเกริก

น.ส.ปนัดดา อายุ29 ปี ชาวบ้านที่มารอดูดวง เปิดเผยว่า เดินทางมาจองคิวและนอนที่วัดแห่งนี้ ได้คิววันเสาร์ที่จะถึง ก็พร้อมที่จะนอนรอ ทางวัดก็ได้เตรียมจุดที่จะนอน และห้องน้ำไว้แล้วเป็นที่เป็นทาง ตนมาเพื่อจะเปลี่ยนชื่อ ทราบจากปากต่อปากว่าพระตุ๋ยเปลี่ยนชื่อให้แต่ละคนแล้วดีขึ้น และยังดูดวงให้อีก ส่วนการทำบุญนั้นแล้วแต่ศรัทธา พระตุ๋ยไม่ได้เรียกร้องอะไร หากเปลี่ยนชื่อไปแล้วได้ดี ก็กลับมาทำบุญอีก

ด้านนายวัลลภ นามวงค์พรหม รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ประเด็นคือหากพระสงฆ์ได้ดูดวงขจัดปัดเป่าเชิงศาสนสงเคราะห์ให้ชาวบ้านเขามีความสุขกลับไป คนที่มาดูดวงมีมักมีปัญหาชีวิตในเรื่องต่างๆ พวกเขาก็มาหาที่พึ่งทางใจ พอกลับไปแล้วมีความสุข ก็เป็นมุมมองในด้านศาสนสงเคราะห์ ก็ไม่เป็นไร แต่หากมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง คิดว่าก้ไม่น่าจะเหมาะสม และก็เป็นห่วงในเรื่องนี้ กังวลว่าจะเกินเลยของคำว่าศาสนสงเคราะห์ เนื่องจากมีคนมาเยอะ

เมื่อถามว่า เรื่องของการดูดวง กฎระเบียบสงฆ์มีการห้ามหรือไม่ นายวัลลภ กล่าวว่า เรื่องของการดูดวงของพระสงฆ์ คิดว่าก้ำกึ่งของวินัย ซึ่งก็ไม่ได้ระบุโดยตรงว่าห้ามพระสงฆ์ดูดวง ในสมัยอดีตก็มีพระมหาเถระ เป็นผู้มีความรู้คำนวนฤกษ์ชะตาราศี เป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ เวลาไปรบทัพจับศึก ก็จะไปปรึกษาหาฤกษ์ยามกับพระ และให้คำแนะนำในทางที่บวก เพื่อให้เกิดความมั่นใจ มีกำลังใจ

แต่ปัจจุบัน บทบาทพระสงฆ์จะดูดวงดูฤกษ์บ้านเมืองก็ไม่ค่อยจะมี แต่คนเราก็จะมาพึ่ง มาหาพระสงฆ์ให้ดูดวง เพราะพระสงฆ์เวลาพูดบอกอะไรจะมีความน่าเชื่อถือกว่าฆาราวาสที่ศรัทธา ก็จะพากันไปรุมไปหาพระสงฆ์ อีกด้านพระสงฆ์เองก็จะปฏิเสธไม่ได้ ก็จะให้ความสบายใจกับชาวบ้าน พอนานไปก็ไปเรื่องผลประโยชน์เข้ามา โดยเฉพาะการสื่อออกทางโซเซียล ทำให้เกิดกระแสที่เร็วคิดว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะไม่เหมาะ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน