สลด รถตู้ขนต่างด้าว ไปทำพาสปอร์ต หลับใน พุ่งเสยท้ายรถสิบล้อจอดติดไฟแดงพังยับ เสียชีวิตคาที่ 3 ราย บาดเจ็บ 12 ราย บนถนนในพื้นที่ จ.ระยอง

เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 26 ก.ย.2565 พ.ต.ต.สุพจน์ บุญสวน สารวัตร(สอบสวน) สภ.แกลง รับแจ้งเหตุรถตู้ชนท้ายรถสิบล้อที่จอดติดไฟแดง ตรงสี่แยกไฟแดงกระแสบน ถ.บ้านบึง-แกลง (ขาเข้าแกลง) ม.14 ต.กระแสบน อ.แกลง จ.ระยอง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร โรงพยาบาลแกลง และ หน่วยกู้ภัยพุทธศาสตร์สงเคราะห์ จุดกระแสบน

ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกสิบล้อตู้ทึบ ทะเบียน 70-2675 จอดคาไฟแดง ด้านท้ายรถพบรถตู้สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 33-5874 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถสิบล้อ จนด้านหน้ารถพังยุบเข้าไปจนถึงห้องโดยสาร พบคนติดอยู่ภายในรถ 15 ราย จึงช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บลงมาจากรถ โดยมีผู้เสียชีวิตคาที่ 3 ราย เป็นผู้หญิงทั้งหมด และมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 12 ราย เป็นชาย 6 รายรวมคนขับด้วย และหญิง 6 ราย จึงรีบปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาลแกลง

จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เป็นผู้หญิง สัญชาติลาวทั้งสามคน ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมด 11 คน เป็นคนสัญชาติลาวเช่นกัน ยกเว้นคนขับที่เป็นคนไทยคือ นายกฤติภัค (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส

จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ รถบรรทุกสิบล้อจอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกดังกล่าว รถตู้ได้ขับมาด้วยความเร็วโดยไม่มีการเบรก ก่อนจะพุ่งชนท้ายรถสิบล้ออย่างแรง เสียงดังสนั่น

รถตู้ขนต่างด้าว ไปทำพาสปอร์ต หลับใน พุ่งเสยท้ายรถสิบล้อจอดติดไฟแดงพังยับ เสียชีวิตคาที่ 3 ราย บาดเจ็บ 12 ราย

รถตู้ขนต่างด้าว ไปทำพาสปอร์ต หลับใน พุ่งเสยท้ายรถสิบล้อจอดติดไฟแดงพังยับ เสียชีวิตคาที่ 3 ราย บาดเจ็บ 12 ราย

ด้าน ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บรายหนึ่ง ซึ่งยังมีสติอยู่ ให้การว่า พวกตนทั้งหมดเป็นคนสัญชาติลาว ได้เช่ารถตู้กำลังจะเดินทางไปต่อวีซ่าที่ จ.จันทบุรี ขณะนั่งมาทุกคนต่างก็นอนหลับ จนกระทั่งรถพุ่งชนจึงรู้สึกตัวแต่ก็ไม่ทันแล้ว ร่างต่างกระเด็นไปกระแทกกับตัวรถ เสียงร้องดังลั่นรถด้วยความตกใจ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบหลักฐานในจุดเกิดเหตุ พร้อมสอบสวนคนขับสิบล้อ และเตรียมสอบสวนคนขับรถตู้และผู้โดยสารหลังหายจากอาการบาดเจ็บ เพื่อประกอบการดำเนินคดี ส่วนสาเหตุจากการสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์คาดว่าคนขับรถตู้อาจจะหลับใน จึงพุ่งชนรถสิบล้อที่รอสัญญาณอยู่ตรงสี่แยก อย่างไรก็ตาม ต้องรอการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งจึงจะสรุปสาเหตุที่แท้จริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน