ผวจ.กาฬสินธุ์ สั่งเตรียมรับมือ พายุโนรู กำชับหน่วยงาน เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ด้านผอ.โครงการส่งน้ำ เผยเขื่อนลำปาว ยังรับน้ำได้อีก 435 ล้านลบ.ม.
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2565 นายสำรวย อินพิทักษ์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,545 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 78 จากความจุกักเก็บ 1,980 ล้าน ลบ.ม.
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กันยายน มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่าง 33 ล้าน ลบ.ม. ยังรับได้อีก 435 ล้านลบ.ม. ปัจจุบันมีการระบายน้ำ ส่งน้ำให้กับพื้นการเกษตร และประมงรวมพื้นที่ 305,315 แสนไร่ รวมถึงรักษาระบบนิเวศเฉลี่ยวันละ 5.4 ล้าน ลบ.ม.
นายสำรวย กล่าวต่อว่า ในส่วนการเตรียมความพร้อมรับมือพายุโนรู ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกในพื้นที่ในช่วง 2-3 วันข้างหน้านั้น ยืนยันว่าเขื่อนลำปาวยังสามารถรองรับปริมาณน้ำจากอิทธิพลพายุโนรูได้ เนื่องจากค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างของพายุแต่ละลูกในช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่ 200-300 ล้าน ลบ.ม. แต่ปัจจุบันเขื่อนลำปาวมีน้ำอยู่ 1,545 ล้าน ลบ.ม. จึงรับได้อีก 435 ล้านลบ.ม.
นายสำรวย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคารระบายน้ำหรือสปิลเวย์และตลอดแนวพนัง ให้มีสภาพพร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องด้วย และล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา ผวจ.กาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อวางแนวทางป้องกันการเกิดอุทกภัยจากสถานการณ์พายุโนรู
นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์พายุโนรูนั้น ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และได้มีการวางแผนการปฏิบัติเพื่อดำเนินการป้องกันและดำเนินการช่วยเหลือหากเกิดอุทกภัยในพื้นที่ จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องสูบน้ำ
โดยจ.กาฬสินธุ์ มีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 17 แห่ง และมีอ่างที่เก็บน้ำขนาดใหญ่คือเขื่อนลำปาว ปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ในสถานการณ์ปกติ จึงซึ่งได้เน้นย้ำไปยังทุกภาคส่วน และทุกอำเภอในการตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมซ้ำซ้อนที่อ.ร่องคำ อ.กมลาไสย อ.ฆ้องชัย และอำเภอเมืองบางส่วน
เจ้าหน้าที่ได้เตรียมพร้อมออกสำรวจ และเตรียมการดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ในส่วนของพนังกั้นน้ำซึ่งมี 6 จุด ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ในการดูแลป้องกันอย่างเต็มที่ พร้อมกับขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด และเมื่อพื้นที่ใดประสบเหตุขอให้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อการช่วยเหลือดูแลอย่างทันท่วงที
