วัดพระธาตุดอยสะเก็ดเผย แผ่นดินไหวรุนแรง อาคารแตกร้าว หลายจุด

วัดพระธาตุดอยสะเก็ดเผย แผ่นดินไหวรุนแรงกว่าปี57 อาคารแตกร้าวหลายจุด ส่วนองค์พระธาตุเบื้องต้นยังไม่พบความเสียหาย

วันที่ 20 ต.ค.65 จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 4.1 แมกนิจูด ศูนย์กลาง ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ลึก 2 กิโลเมตร การสั่นประชาชนรับความรู้สึกได้ในหลายอำเภอ และหลายคนเป็นห่วงองค์พระธาตุ ของวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง ซึ่งเป็นโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนเนินเขาทางด้านทิศตะวันออกของตัวอำเภอดอยสะเก็ด

พระครูสิริเจติยบรรพต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง เปิดเผยว่า เหตุแผ่นดินไหวเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมานั้นถือว่ารุนแรง แม้จะเทียบกับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่จังหวัดเชียงราย ขนาด 6.3 แมกนิจูด ในปี 2557 ซึ่งเกิดแรงสั่นสะเทือนมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ จนทำให้เกิดความเสียหายกับอาคารภายในวัดพระธาตุดอยสะเก็ด คืออาคารสำนักงานมีรอยร้าว แต่ครั้งนี้พบว่าแม้ขนาดแรงสั่นสะเทือน ณ จุดศูนย์กลางจะน้อยกว่า ปี 2557 แต่จุดศูนย์กลาง มาอยู่ที่ ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด ห่างจากตัววัดเพียงไม่กี่กิโลเมตร

ส่งผลให้ข้าวของเครื่องใช้ หรือตู้ใส่ของมีการสั่นสะเทือน ที่สำคัญตัวอาคารสำนักงานที่เคยเกิดรอยร้าวเมื่อปี 2557 นั้นจุดเดิมพบว่ามีรอยร้าวเพิ่มเติมขึ้น ยาวมากขึ้นกว่ารอยเก่า และรอยร้าวแยกขยายกว้างขึ้น ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของอาคารที่เคยเกิดรอยร้าวพบว่าปูนมีสภาพบวมปูดขึ้น และบางจุดแตกออกมาอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ต้องรอทางช่างหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบความเสียหายว่ามีอันตรายกับตัวโครงสร้างอาคารหรือไม่

อีกจุดที่ได้รับความเสียหายคือลวดลายปูนปั้นที่ตกแต่งซุ้มประตูทางขึ้นพระธาตุ มีการกระเทาะแตกตกลงมาเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งทางเจ้าหน้าที่ของวัดก็ได้เก็บกวาดเอาไปทิ้งเรียบร้อยแล้วแต่ยังพอหลงเหลือเศษซากที่แตกหักลงมา

ส่วนสำคัญคือองค์พระธาตุดอยสะเก็ด จากที่มีข่าวลือว่าแตกร้าวนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตัวองค์พระธาตุ ทั้งองค์จริงด้านใน และส่วนที่เป็นองค์ครอบด้านนอกยังไม่พบความเสียหายใด ๆ แต่ส่วนที่เคยชำรุดเสียหายนั้นคือ แผ่นกระเบื้องปูผนังด้านใน ซึ่งเป็นการสร้างต่อเติมใหม่นั้นกระเทาะแตกออกมา เนื่องจากมีความชื้น และปูนที่ยึดติดกระเทาะหลุดออกมาเท่านั้นไม่ได้มีผลกับโครงสร้างหรือตัวองค์พระธาตุแต่อย่างใด

ทั้งนี้ก็ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อประเมิน และเตรียมการบูรณะซ่อมแซมส่วนที่ได้รับความเสียหายต่อไป