จากกรณีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ได้ทำการจับกุมตัวนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและ กรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ บริษัทมหาชน พร้อมซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง อ่านข่าว : ทุ่งใหญ่สะเทือน เจ้าหน้าที่จับประธานอิตาเลียนไทย ล่าสัตว์ป่า ผงะค้นพบซากเสือดำ-เนื้อเก้ง

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.พ. นายธรรมรัตน์ วงศ์โสภา ผอ.สำนักอุทยานฯ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช ได้ลาดตระเวนตามปกติทุกวัน เมื่อเข้าไปถึงบริเวณห้วยปะชิ ซึ่งอยู่ระหว่างหน่วยพิทักษ์ป่าทิคองกับหน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก

นายธรรมรัตน์ กล่าวว่า โดยบริเวณนั้นไม่อนุญาตให้มีการตั้งแคมป์พักแรมอยู่แล้ว แต่กลับพบนักท่องเที่ยวรวม 4 คน จึงขอตรวจค้นก็พบอาวุธปืนและซากสัตว์ป่าหลายรายการ แบ่งเป็นอาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนไรเฟิลติดลำกล้อง 1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองแฝด 1 กระบอก และเครื่องกระสุนพร้อมใช้งาน และพบซากไก่ฟ้าหลังเทากับเนื้อเก้ง จึงควบคุมตัวทั้ง 4 คน ส่งสภ.ทองผาภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายธรรมรัตน์ กล่าวต่อว่า จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ย้อนกลับมาบริเวณดังกล่าว เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ก็พบซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อ ส่วนหนังมีการถนอมซากด้วยการทาเกลือเพื่อไม่ให้เน่าเสีย พบกะโหลกเสือดำ 1 หัว ถูกบรรจุอยู่ในถุงดำและมัดปากถุงด้วยเชือก ซุกซ่อนอยู่ใต้พุ่มไม้ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมากที่ถูกซุกซ่อนไว้บริเวณที่แคมป์พัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งหลักฐานการกระทำผิดไปยังสภ.ทองผาภูมิ เพิ่มเติมอีก

นายธรรมรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ทราบชื่อ คือ 1.นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทยเดเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) 2.นายยงค์ โดดเครือ อายุ 65 ปี 3.นางนที เรียมแสน อายุ 43 ปี และ 4.นายธานี ทุมมาศ อายุ 56 ปี ส่วนความผิดของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้แจ้งข้อหา 1.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 2.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

3.ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 4.ฐานนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความตามมาตรา 37 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 5.ฐานรวมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ 6.สำหรับความผิดต่อพ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป

“นอกจากนี้ทราบว่า ทางนายเปรมชัยได้อ้างว่าเป็นแขกของน.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ซึ่งได้ทำหนังสือขออนุญาตเข้าพัก โดยตามระเบียบนั้นต้องประสานไปยังหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ฯ จากนั้น ต้องส่งหนังสือรายงานมายังสำนักเขตพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ซึ่งผมยืนยืนว่า ยังไม่เห็นหนังสือขออนุญาตใดๆทั้งสิ้นเลย อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ในส่วนของพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ในส่วนของกรมอุทยานฯ จะต้องติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเช่นกัน” นายธรรมรัตน์ กล่าว

ด้าน น.ส.กาญจนา กล่าวว่า ตนได้รับโทรศัพท์เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา มีคนมาถามว่า จะเข้าไปพักในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ต้องทำอย่างไร ตนก็บอกข้อมูลเบื้องต้นและประสานไปยังหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ตะวันตก ซึ่งก็ให้ทำหนังสือขออนุญาตตามขั้นตอนปกติ ยืนยันว่าไม่ใช่แขกของตน ตามที่มีการกล่าวอ้าง เพราะทำทุกอย่างทำตามขั้นตอน การจะอนุญาตเข้าพักได้หรือไม่ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์มีอำนาจตัดสินใจ และต้องแจ้งรายงานต่อสำนักเขตพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน