จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Prapas Keawjury ได้ออกมาโพสต์ภาพ รถเก๋ง โตโยต้า คัมรี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎพ 3939 กทม. และ ภาพใบสั่งของรถยนต์นั่ง 4ประตู โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ซึ่งมีหมายเลขทะเบียน ฎพ 3939 กทม. เช่นเดียวกัน

พร้อมข้อความระบุว่า“รบกวนหน่อยครับ โดนสวมทะเบียนรถ โดนใบสั่งมาหลายครั้งแล้วครับ รวมระยะเวลาสามปีโดนใบสั่งไป6ครั้งเลยครับ แจ้งความไปแล้ว แต่ยังมีใบสั่งกลับมาที่บ้าน เป็นรถคันเดิม โดนที่จังหวัดสกลนครซึ่งเจ้าของรถอยู่กรุงเทพครับ และรถก็เป็นคนละรุ่นกัน รถผมเป็นยี่ห้อ Toyota Camry ส่วนรถคันที่สวมทะเบียนปลอมเป็น Toyota fortuner คุณตำรวจทำอะไรอยู่ครับทำไมไม่ตามเรื่องให้เลยครับ โทรแจ้งตำรวจทุกครั้งตามที่ให้เบอร์ในใบสั่งมาครับ. ถ้าเค้าไปขับรถชนใครตายหรือเอาไปขนยาบ้า ชื่อเสียงของผมจะเสียหายหมดครับเพราะถ้าเป็นข่าว ชื่อแรกที่จะโดนคือชื่อเจ้าของรถ ซึ่งกว่าตำรวจจะสืบสาวราวเรื่องได้ เจ้าของรถก็ต้องตกเป็นจำเลยสังคมก่อนได้นะครับกว่าเรื่องจะสืบสวนกันเสร็จ จากความคิดส่วนตัวคิดว่าคันนี้คงไม่ใช่รถถูกกฎหมายอย่างแน่นอนครับ น่าจะเป็นรถที่ขโมยมา รบกวนช่วยแชร์เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในอนาคตด้วยครับ”

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” ประจำจังหวัดปทุมธานี ได้เดินทางไปพบผู้ที่โพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวคือ นายประภาส แก้วเจ้ย อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/103 หมู่ 9 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผจก.ฝ่ายสาธารณูปโภค ของโรงงานแห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โดยนายประภาส เปิดเผยว่า ตนได้รับใบสั่งขับรถเร็วเกินกำหนด จำนวน 6 ครั้ง ประกอบด้วย ใบสั่งกระทำผิดกฎจราจร ครั้งที่ 1 วันที่ 4 ก.ค.57, ครั้งที่ 2 เอกสารข้อมูลหายไปจากการตรวจสอบ, ครั้งที่ 3 วันที่ 11 ส.ค.59, ครั้งที่ 4 วันที่ 7 พ.ย.59,ครั้งที่ 5 วันที่ 12 มิ.ย.60 และครั้งที่ 6 วันที่ 20 ม.ค.61 ซึ่งใบสั่งทั้งหมดถูกส่งมาจาก“ตำรวจทางหลวงสกลนคร”

นายประภาส กล่าวต่อว่า ตามภาพตามใบสั่งเป็นของรถฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน ฎพ3939 กทม. ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนประมูล ส่วนรถยนต์ของตนนั้นเป็นรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ หมายเลขทะเบียน ฎพ3939 กทม. ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนประมูล เช่นเดียวกัน และตนเองก็ไม่ได้ขับรถหรือเดินทางไปยัง จ.สกลนคร ตนเคยแจ้งไปยังตำรวจทางหลวงสกลนครทุกครั้งที่ได้รับใบสั่ง โดยบอกว่ารถยนต์ในภาพไม่ใช้รถยนต์ของตน ทางเจ้าหน้าที่ให้ตนส่งหลักฐานรถยนต์ของตนไปให้ ต่อมาเมื่อได้รับใบสั่งอีกก็โทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่อีกแต่ใบสั่งก็ยังมาอีก ซึ่งตนทำได้เพียงแค่โพสต์ข้อความเตือนภัยลงในเฟสบุ๊กส่วนตัว เพื่อให้คนทั่วไปได้รับทราบพร้อมทั้งเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สภ.ปากเกร็ด

“ที่ผ่านมาตนได้รับใบสั่งมาหลายครั้งมาก และเห็นว่าไม่มีการแก้ไขหรือตรวจสอบในกรณีของตนแต่อย่างใด หากปล่อยไว้อีกก็คงมีใบสั่งมาอีก และตนเองเกรงว่ารถยนต์คันดังกว่าวจะไปก่อเหตุอาชญากรรมที่ผิดกฎหมาย เพราะรถยนต์ปกติก็ไม่ควรที่จะมีหมายเลขทะเบียนเหมือนกันแต่อย่างใด จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบความถูกต้องพร้อมตรวจสอบรถยนต์ที่มีการสวมทะเบียนในลักษณะนี้ซึ่งก็คงมีอีกหลายคันที่โดนแบบของตน”นายประภาส กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน