ลูกสาววัย 16 ปี ร้องขอความช่วยเหลือ พ่อคลั่งยา จับลูก-เมียเป็นตัวประกันในบ้าน จนท.ล้อมเกลี้ยกล่อมนาน 10 ชั่วโมง เผยปมเสพยาบ้า 60 เม็ด

วันที่ 3 ม.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุธไธสวรรย์ รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากเหตุสามีคลั่ง ใช้อาวุธมีดจี้ลูกและภรรยาเป็นตัวประกันและขังอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ใต้ถุนโปร่ง ภายในบ้านปิดไฟมืดสนิท เปิดเพียงไฟใต้ถุนบ้านเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าคอยสังเกตการณ์อยู่ริมถนน เมื่อชายคลุ้มคลั่งเห็นเจ้าหน้าที่จึงตะโกนด่าทอและไล่ให้เจ้าหน้าที่ถอยห่างออกไป แถมขู่หากไม่ทำตามจะแทงตัวประกันทั้งหมด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังถอยออกมา และคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ

ลูกสาววัย 16 ปี ร้องขอความช่วยเหลือ พ่อคลั่งยา จับลูก-เมียเป็นตัวประกันในบ้าน จนท.ล้อมเกลี้ยกล่อมนาน 10 ชั่วโมง

ลูกสาววัย 16 ปี ร้องขอความช่วยเหลือ พ่อคลั่งยา จับลูก-เมียเป็นตัวประกันในบ้าน จนท.ล้อมเกลี้ยกล่อมนาน 10 ชั่วโมง

จากการสอบถาม น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ลูกสาวคนโต กล่าวทั้งน้ำตาว่า ผู้ก่อเหตุคือพ่อของตน ชื่อ นายชาลี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี โดยจับแม่และน้องอีก 3 คนเป็นตัวประกันอยู่ภายในบ้าน ซึ่งปกติพ่อจะทำร้ายและตบตีแม่แบบนี้ทุกวันเป็นประจำ เนื่องจากพ่อเสพยาบ้า ตนเคยขอร้องให้แม่ออกไปอยู่ที่อื่น เพราะสงสารแม่ แม่จึงย้ายออกไปอยู่ห้องเช่าได้เพียง 4 วัน ก็มีญาติของพ่อโทรไปบอกแม่ว่า พ่อหกล้มไม่สบายให้รีบกลับมาดูแล ตนก็บอกกับแม่ว่าอย่ากลับไป

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า กระทั่งวันที่ 2 ม.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. แม่ได้เดินทางมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ และก็มีปากเสียงทะเลาะกับพ่อเหมือนเดิม พ่อมีอาการคลุ้มคลั่งจะทำร้ายแม่ และใช้อาวุธมีดข่มขู่ จากนั้นก็จับแม่และน้อง ๆ ไว้เป็นตัวประกันขังอยู่ภายในบ้าน ต่อมาน้องสาวได้แชทมาบอก ตนจึงรีบตามมาดูก็พบว่าแม่ถูกพ่อขังไว้ในบ้าน ตอนนี้ตนรู้สึกเป็นห่วงแม่และน้องมาก เนื่องจากทราบว่า พ่อเสพยาบ้าไปเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 60 เม็ด อาจจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง จนระแวงว่าแม่จะหนีไปอยู่ที่อื่น

ด้าน นายพรณรงค์ ด้วงเพ็งรัก อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครพุทไธสวรรย์ ผู้รับแจ้งเหตุ กล่าวว่า ลูกสาวของผู้ก่อเหตุได้แชทไปขอความช่วยเหลือ โดยส่งภาพคนในบ้านและภาพประตูหน้าต่างที่ถูกผ้าขาวม้าผูกมัดไว้ไม่ให้คนในบ้านออกมาข้างนอกได้ ตนจึงนำกำลังเข้ามาตรวจสอบ เมื่อมาถึงพบว่าภายในบ้านปิดไฟมืดสนิท มีเสียงจากคนภายในร้องขอความช่วยเหลือออกมา ตนจึงพยายามเขย่าประตูแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ และถูกผู้ก่อเหตุด่าทอข่มขู่ จึงถอยออกมา และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ








Advertisement

ขณะที่ พ.ต.ท.ประเสริฐ รัศมี สวป.สภ.นครหลวง และ นายสุเทพ บุญแจ้ง พยายามเข้ามาเกลี้ยกล่อม และพูดคุยกับนายชาลีให้เปิดประตูบ้านออกมาพูดคุยด้านนอก แต่นายชาลีกลับตะโกนออกมาว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอยออกไปให้หมด และรับปากจะไม่ทำร้ายคนในบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามต่อรองให้นายชาลีเปิดประตูออกมา เพื่อตรวจสอบดูว่าคนที่อยู่ภายในบ้านปลอดภัยดีหรือไม่

แต่นายชาลีก็ไม่ยอมเปิดประตูออกมา เพราะกลัวว่าจะถูกจับ พร้อมยอมรับว่า มีการเสพยาบ้าจริง และจะขอโอกาสเข้าบำบัดแต่ก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะกลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ไม่ได้กลับมาเจอลูกและภรรยาอีก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากว่า จะให้นายชาลีเข้าโครงการบำบัดยาเสพติด แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดประตูออกมา พร้อมข่มขู่ถ้าเกิดเห็นเงาใครก็พร้อมที่จะใช้มีดปาดคอลูกชายคนเล็กทันที กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 5 ชั่วโมง หากเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ เจ้าหน้าที่จะนำกำลังถอยออกมาด้านนอก พร้อมตรึงกำลังไว้เพื่อดูสถานการณ์

กระทั่งเวลาประมาณ 07.00 น. วันที่ 3 ม.ค. กำนันตำบลปากจั่น ญาติและเพื่อนสนิท เข้าเจรจา นายชาลีจึงยอมปล่อยตัวประกัน พร้อมลงมาคุยกับญาติ นายสุเทพ กำนัน และเพื่อนสนิทที่เข้ามาเจรจาเกลี้ยกล่อม ใช้เวลานานเกือบ 30 นาที ทำให้นายชาลีไว้ใจ ยอมออกจากบ้าน จากนั้นพาขึ้นรถซ้อนท้ายจักรยานยนต์ออกไปสงบสติอารมณ์ ทำให้ตัวประกันทั้งหมดปลอดภัย

พ.ต.อ.นิวัฒน์ การสิทธิ์ ผกก.สภ.นครหลวง กล่าวว่า จากการพูดคุยทราบว่า นายชาลีเพิ่งเสพสารเสพติดเมื่อ 4-5 วันที่แล้ว และมีปัญหากับภรรยาและลูก เขาป่วยเขาก็อยากให้มีคนดูแล จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่ามีอาวุธร้ายแรง แต่ที่บอกว่ามี เจ้าตัวยอมรับว่าเพียงแค่พูดข่มขู่เท่านั้น เพื่อไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปวุ่นวายกับเขา

พ.ต.อ.นิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ซึ่งตอนนี้นายชาลีรับว่าเสพ พร้อมยินยอมเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดสารเสพติดของตำบลปากจั่น อ.นครหลวง ซึ่งเราจะมีการติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดว่าจะเลิกเสพสารเสพติดหรือไม่ต่อไปในอนาคต

ด้าน นายชาลี อยู่ในสภาพอิดโรยเนื่องจากไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เพราะระแวงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมรับว่า มีการเสพยาบ้าจริงก่อนวันก่อเหตุได้ 3 วัน ประมาณ 5-6 เม็ด ในราคาเม็ดละ 30 บาท ที่ทำลงไปเพราะหวาดระแวงกลัวคนจะมาพรากลูกเมียหนี เนื่องจากที่ผ่านมาทะเลาะกัน เมียได้หนีออกจากบ้านไปหลายวัน พอเมียกลับมาเมื่อคืนจึงจับจี้ตัวประกันทันที

นายชาลี กล่าวต่อว่า ที่ทำลงไปเป็นการข่มขู่เท่านั้น และไม่คิดจะทำร้ายลูกเมียจริง เพียงต้องการอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับลูกเมีย ไม่ให้ใครมาพรากแยกจากกัน ซึ่งขณะนี้ทุกคนปลอดภัยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่บอกว่ามีการเสพยาบ้าไป 60 เม็ดนั้นไม่จริง ตนพูดเฉย ๆ เพื่อให้ญาติรู้ว่าตนเสพยาบ้าและน็อกเพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจ และให้ญาติโทรบอกภรรยาแล้วกลับมาดูแลเท่านั้น ตอนนี้ตนขอโอกาสปรับตัวใหม่ ยอมเข้าโครงการบำบัดยาเสพติดเพื่อให้หายดีแล้วอยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขกับครอบครัวอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน