ผู้ประกอบการ เกาะเสม็ด เดือดร้อนกันทั่ว อุทยานฯ เรียกเก็บเงินรถโดยสารรายละ 1.6 หมื่นบาทต่อปี รถจยย. 1,600 บาทต่อปี ไม่จ่ายห้ามวิ่ง หาบเร่แผงลอย ก็โดน

วันที่ 15 ม.ค.2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบกรณีที่ นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคโอกาสไทย อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ออกมาเปิดเผยในรายการทีวีรายการหนึ่งว่า ได้รับการร้องเรียนว่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง มีการเรียกเก็บเงินจากรถสองแถวที่วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด รายละ 16,000 บาท จำนวน 50 คัน รวมถึงการก่อสร้างต่อเติมในพื้นที่อุทยานฯที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับการอนุญาต ทั้งที่ทำไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย

ผู้ประกอบการ เกาะเสม็ด เดือดร้อนกันทั่ว อุทยานฯ เรียกเก็บเงินรถโดยสารรายละ 1.6 หมื่นบาทต่อปี

ผู้ประกอบการ เกาะเสม็ด เดือดร้อนกันทั่ว อุทยานฯ เรียกเก็บเงินรถโดยสารรายละ 1.6 หมื่นบาทต่อปี

เมื่อเดินทางไปถึงเกาะเสม็ด สอบถามกับผู้ประกอบการรถสองแถวรายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อนามสกุล) เปิดเผยว่า เรื่องที่เรียกเก็บเงินจากรถสองแถว จำนวน 16,000 บาท เป็นความจริง ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ต้องวิ่ง โดยอ้างว่า มีโครงการจะเอากระเช้าไฟฟ้ามา แต่ทางอุทยานฯเบรกไว้ รถโดยสารทั้งหมดบนเกาะเสม็ด จำนวน 60 คัน รวมเป็นเงิน 960,000 บาท จึงจำเป็นต้องจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการได้วิ่งรับผู้โดยสารต่อไป

ผู้ประกอบการ เปิดเผยต่อว่า ใครจ่ายจะได้สติ๊กเกอร์มา 1 แผ่น ติดรถเพื่อแสดงว่าสามารถวิ่งรับผู้โดยสารได้ โดยเรียกเก็บไปเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา แล้วยังต้องเสียรายเดือนอีกคันละ 330 บาทต่อคัน นอกจากนี้ ยังมีการเรียกเก็บรถจักรยานยนต์รับจ้าง ทั้งหมด 660 คัน คันละ 1,600 บาท รวมเป็นเงิน 1,056,000 บาท และยังเรียกเก็บเงินจากหาบเร่แผงลอยเป็นรายเดือน โดยมีหลักฐานการจ่ายเงินและการพูดคุยกันในไลน์กลุ่มเกี่ยวกับเรื่องการเรียกเก็บเงิน ค่ารถยนต์โดยสารและรถจักรยานยนต์

ส่วนกรณีที่มีการเรียกรับผลประโยชน์จากการต่อเติม และก่อสร้างที่พักขึ้นใหม่ พบว่ามีการก่อสร้างใหม่ขึ้นหลายแห่งจริง ส่วนผู้ประกอบการเรือโดยสารต่างก็เดือดร้อน เพราะถูกขึ้นค่าธรรมเนียมเรือทุกชนิดที่ผ่านเข้าออกพื้นที่อุทยานฯ โดยขึ้นราคาจากเดิมถึง 3 เท่าตัว จึงเดือดร้อนกันมาก เพราะทุกรายต่างก็เพิ่งผ่านวิกฤตจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติมกัน








Advertisement

ผู้ประกอบการ ยังเปิดเผยถึงเรื่องการเก็บเงินค่าผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด คือ พื้นที่ทั้งหมดในอุทยานฯ แต่กลับมีการตั้งกฎขึ้นใหม่ ว่า หากนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการไปดำน้ำในเกาะกุฎี เกาะทะลุ และ เกาะปลายตีน ต้องเสียเงินเพิ่มอีกคนละ 100 บาท ทั้ง ๆ ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด จึงสร้างความไม่พอใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต้องมาจ่ายซ้ำซ้อน ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถอธิบายได้กับมาตรการดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีปรากฏ

ผู้ประกอบบนเกาะเสม็ดต่างเดือดร้อนกันอย่างหนัก ไม่จ่ายก็ทำมาหากินไม่ได้ หลายรายต้องไปกู้ยืมเงินมาจ่าย เพราะไม่มีทางเลือก จึงวิงวอนขอให้ทางผู้ใหญ่ในกระทรวงลงมาตรวจสอบโดยเร็ว เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลบนเกาะเสม็ด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน