ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กำชับทุกจังหวัดเฝ้าระวังสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5 เผย 24 จังหวัดเกินค่ามาตรฐาน ให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน แนะประชาชนตรวจสอบค่าฝุ่น ปรับกิจกรรมใช้ชีวิต

วันที่ 24 ม.ค.2566 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของไทย ระบุ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจึงกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด

หากจังหวัดใดที่มีค่าฝุ่น PM2.5 เกิน 51 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกันเกิน 3 วัน ให้พิจารณาเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์อย่างเป็นระบบ ส่วนจังหวัดที่มีค่า PM 2.5 ระหว่าง 37.6-50 มคก./ลบ.ม. ให้เปิดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ระดับจังหวัด รวมถึงให้เร่งรัดสื่อสารความรู้แก่ประชาชนป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 แจ้งเตือนถึงความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์

ขณะนี้มี 24 จังหวัด ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ พะเยา พิษณุโลก สุโขทัย นครสวรรค์ อุทัยธานี นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง สระแก้ว ขอนแก่น และ กทม. ซึ่งสมุทรสงคราม ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฯแล้ว ส่วนอีก 23 จังหวัด อยู่ระหว่างเฝ้าระวังสถานการณ์และเตรียมเปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ

ฝุ่นหนา

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ข้อมูลจากระบบรายงานสุขภาพของสธ. วันที่ 24 ม.ค.2566 พบว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศรวม 212,674 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 96,109 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ ได้ให้สถานพยาบาลทุกแห่งเตรียมความพร้อมยาและเวชภัณฑ์ เพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วยจากปัญหามลพิษทางอากาศแล้ว

ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่จากแอปพลิเคชัน Air4Thai พร้อมกับปรับกิจกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน หากค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน ขอให้ลดกิจกรรม/การออกกำลังกายกลางแจ้ง หากต้องอยู่ในพื้นที่ค่าฝุ่นสูง ควรใส่หน้ากากชนิด N95 และไม่ควรอยู่เป็นเวลานาน

ใส่แมสก์

สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ ส่วนอาการที่เกิดจากผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 อาทิ แสบตา แสบจมูก อึดอัด แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ปวดศีรษะ อาเจียน ระคายเคืองผิวหนัง ซึ่งหากอาการไม่ทุเลาควรไปพบแพทย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน