ปลดกำไลอีเอ็ม วิน จยย. “แพะ” คดีค้ามนุษย์ พบผู้ต้องหาตัวจริงชื่อ นามสกุลเดียวกัน แต่เลขบัตร 13 หลัก ไม่ใช่ ขอบคุณสื่อ-มูลนิธิวินวิน ช่วยเป็นปากเสียงจนหลุด

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ก.พ.2566 นายพยุง มงคล อายุ 50 ปี อาชีพขับวินมอเตอไซค์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ เดินทางมายังศาลจังหวัดตราด เพื่อถอดกำไลอีเอ็ม หลังถูกตำรวจ สภ.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด โดยมี นางจันทร์เพ็ญ ใสดี อายุ 41 ปี ภรรยา ติดตามมาจากกรุงเทพมหานครด้วย หลัง พ.ต.ท.สมศักดิ์ ผลกระโทก สว.สอบสวน สภ.หนองบอน เจ้าของคดีถอดคดี โดยมี น.ส.ชลิดา พละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิวินวิน เดินทางร่วมสังเกตการณ์

นายพยุง กล่าวว่า เมื่อวานนี้(7 ก.พ.) ขณะกำลังทำงาน ได้รับแจ้งจากกระทรวงยุติธรรมและมูลนิธิวินวิน ว่าตำรวจถอดคดีแล้ว ตนรู้สึกดีใจมาก รีบวิ่งไปหาภรรยาบอกข่าวดี ว่าหลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องหาแล้ว พร้อมกอดคอกันร้องไห้ และอยากจะฝากถึงตำรวจ ควรทำคดีให้รอบคอบกว่านี้ เพื่อไม่ให้จับผิดคน

ซึ่งตนเองเข้าใจดีที่ตำรวจต้องจับกุมคนทำผิด เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข แต่กรณีเคสของตนนั้น เมื่อตำรวจตรวจสอบประวัติอาญชกรรม ปรากฏว่า มีชื่อและนามสกุลเดียวกันถึง 6 คน ทำไมถึงไม่เช็กเลขบัตรประชาชนด้วย

“ส่วนเรื่องนี้ ตนเองเชื่อว่าตำรวจจับผิดตัวมากกว่า เพราะ พ.ต.ท.สมศักดิ์ ผลกระโทก สว.สอบสวน สภ.หนองบอน บอกว่า บันทึกจับกุมระบุว่า นายพยุง มงคล คือผู้ต้องหา แต่ทางตำรวจไม่ได้ตรวจสอบเลขบัตรประชาชนอย่างละเอียด ทำให้การจับกุมนายพยุง มงคล ตัวจริงไม่ได้ ทำให้พ.ต.ท.สมศักดิ์ ต้องทำเรื่องถอดฟ้องในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ” นายพยุง

ขณะที่ นางจันทร์เพ็ญ กล่าวถึงความรู้สึกว่า หลังทราบข่าวว่าสามีจะได้ปลดกำไลอีเอ็ม รู้สึกตื่นเต้น ดีใจจนร้องไห้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ร้องไห้เสียใจที่ถูกตำรวจจับ เพราะตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ต่อสู้กับความถูกต้อง ต้องเดินทางขึ้นลงตราด-กรุงเทพ มารายงานตัว 4 ครั้ง รวมทั้งร้องสื่อ ร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีมูลนิธิวินวิน เข้ามาช่วยเหลือ หาความจริง ลงพื้นที่ตรวจสอบความจริงให้ จนได้รับความยุติธรรมในวันนี้ และขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ

ด้าน น.ส.ชลิดา กล่าวว่า หลังจากที่ผู้เสียหายเข้าร้องเรียนให้มูลนิธิวินวินเข้าช่วยเหลือ ทางมูลนิธิวินวิน จึงติดตามเรื่องนี้ เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมลงพื้นที่ อ.บ่อไร่ จ.ตราด สอบถามพยานในรถตู้ที่เดินทางไปในเกิดเหตุ ว่าใช้นายพยุง หรือไม่ ที่ขับรถไปส่งแนวชายแดนหรือไม่ ซึ่งทุกคนปฎิเสธว่าไม่ใช่ จึงนำหลักฐานไปมอบให้กับกระทรวงยุติธรรม ให้นายพยุงเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน จนตำรวจถอดหมายฟ้อง








Advertisement

น.ส.ชลิดา ยังกล่าวว่า เรื่องที่ตำรวจจับผู้ต้องหานั้น เป็นปัญหาใหญ่มาก ซึ่งนายพยุง ไม่ใช่เคสแรกที่ถูกจับเป็นแพะ และอยากจะฝากตำรวจว่า หากจะออกหมายจับใคร ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งชื่อ ทั้งเลขบัตรประชาชนให้ดี เพราะประชาชนอย่างตาสีตาสา ที่ไม่มีเงิน ไม่มีแรง ต่อสู้กับกระทรวงการยุติธรรม และปัจจุบันยังมีปัญหาการจับผิดตัวอยู่

สำหรับการเรียกร้องเงินเยียวยานั้น นายพยุง มงคล และ นางจันทร์เพ็ญ ใสดี อยู่ระหว่างการรวบรวมค่าใช้จ่ายที่เสียไป เพื่อเรียกร้องให้ทางตำรวจรับผิดชอบต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน