ตา 75 สุดดีใจ สน.ลุมพินี ตามรถกลับมาคืนได้ หลังผู้โดยสารสาวแย่งหนีไป แม่อ้างลูกป่วยทางจิต ตร.แจ้งข้อหาเบื้องต้น ก่อนคุมตัวผัดฟ้องและฝากขังศาล

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ก.พ. 2566 พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี พร้อมชุดสืบสวน ควบคุมตัว น.ส.กรรณิกา อายุ 30 ปี ลูกจ้าง อบต.แห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ มาสอบปากคำ หลังก่อเหตุชิงทรัพย์รถยนต์โตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีดำ ทะเบียน จง 9134 ชลบุรี ของนายมงคลรัตน์ ญานะ อายุ 75 ปี ขณะเรียกใช้บริการจากบายพาสชลบุรีไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต) ช่วงลงด่วนพระราม 4 ก่อนจะยื้อแย่งกุญแจรถ และขับรถหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมาโดยนางบุญยืน อายุ 55 ปี มารดาของ น.ส.กรรณิกา เป็นผู้พาลูกสาวเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้การว่า รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอนไม่หลับตั้งแต่คืนวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากลูกสาวได้ออกจากบ้านที่ จ.เพชรบูรณ์ กระทั่งมาทราบข่าวว่า ลูกได้ก่อเหตุชิงรถ ก่อนจะประสานตำรวจพาลูกสาวเข้ามอบตัว

ทั้งนี้ หลังลูกสาวเรียนจบมหาวิทยาลัยได้เข้าทำงานที่โรงพยาบาลอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และซื้อรถให้เพื่อใช้ใเดินทางไปทำงาน แต่เกิดอุบัติเหตุต้องชดใช้ค่าเสียหายให้คู่กรณีเป็นเงินกว่า 200,000 บาท ต่อมาลูกเกิดอาการเครียด ตนจึงให้ลาออกจากงาน และกลับมาทำงานอยู่ที่ อบต.แห่งหนึ่งที่บ้าน จ.เพชรบูรณ์ นางบุญยืน กล่าวต่อว่า เมื่อทำได้ประมาณ 2 เดือน ลูกมีพฤติกรรมคล้ายคนมีอาการหลอน ป่วยทางจิต เข้าห้องน้ำนาน อ้างว่ามีคนจะมาทำร้ายและชอบดึงผมตัวเอง ตนคิดว่าจะพาลูกไปรักษาอาการจิตเวช กระทั่งทราบว่าลูกไปชิงรถคุณลุง เพื่อขับรถไป จ.เชียงใหม่ และขับกลับเพชรบูรณ์ จึงประสานตำรวจเพื่อให้มารับตัว ยืนยันว่าลูกไม่มีเจตนา แต่เป็นเพราะอาการป่วยทางจิต

นางบุญยืน ให้การอีกว่า วันที่ลูกออกจากบ้านที่เพชรบูรณ์ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวไปจอดทิ้งไว้ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 4 แยก 11 ซึ่งเป็นบ้านเพื่อน แต่ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวจอดไว้นานหลายวัน ตำรวจเข้าใจว่าเป็นรถยนต์ต้องสงสัย จึงยกไปเก็บไว้ที่ซอยรามอินทรา 5 ทำให้ลูกสาวจำไม่ได้และคิดว่ารถตัวเองถูกขโมย จึงไปก่อเหตุชิงรถคนอื่น เนื่องจากมีอาการเครียดด้านนายมงคลรัตน์ เจ้าของรถ กล่าวว่า ขณะนี้ยังรู้สึกปวดระบมจากการบาดเจ็บบริเวณด้านซ้ายของลำตัวและขา ตั้งแต่วันเกิดเหตุเพิ่งได้เจอกับผู้ก่อเหตุวันนี้ เขามายกมือไหว้ขอโทษ หลังจากฟังแม่ของผู้ก่อเหตุเล่าให้ฟัง ตนจึงให้อภัย ไม่คิดถือโทษ

นายมงคลรัตน์ กล่าวต่อว่า วันเกิดเหตุ ผู้โดยสารได้เรียกใช้บริการให้ไปรับที่ปั๊มน้ำมัน ย่านหนองข้างคอก จ.ชลบุรี แต่เมื่อไปถึงที่นัดหมาย กลับไม่เจอผู้โดยสาร จึงลงจากรถและพยายามโทรศัพท์ติดต่อ แต่จู่ๆ ผู้โดยสารขึ้นไปนั่งที่คนขับรถและอ้างว่าจะรีบไปหมอชิต โดยขอเป็นคนขับเอง ตนเชื่อใจเนื่องจากเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ

นายมงคลรัตน์ กล่าวต่อว่า เมื่อรถวิ่งไปได้ประมาณ 10 กม. ฝ่ายผู้ก่อเหตุออกอุบายว่าจะจ้างไป จ.เชียงใหม่ โดยให้เงิน 30,000 บาท ตนฉุกคิดว่าน่าจะมีปัญหาแล้ว จึงออกอุบายว่าตนไม่มีเงินเติมแก๊สและเสียค่าทางด่วน จึงพยายามให้ผู้ก่อเหตุจอดรถเพื่อกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม กระทั่งมาถึงแยกเพชรบุรีตัดใหม่ขาเข้า ประกอบกับการจราจรติดขัด จึงตัดสินใจเอื้อมไปหยิบกุญแจ แต่มีการยื้อแย่งกันภายในรถ ไม่สามารถสู้แรงผู้ก่อเหตุได้

นายมงคลรัตน์ กล่าวอีกว่า ผู้ก่อเหตุได้เปิดประตูรถพร้อมกับลากตนออกมาทางด้านคนขับ ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถหลบหนีไป ภายหลังทราบว่าทางบ้านผู้ก่อเหตุมีฐานะดี แต่อาจเกิดความเครียดที่ประสบมา จึงไม่ได้ถือโทษและไม่ได้โกรธ ได้รถคืนมาก็ดีใจแล้ว ขอบคุณตำรวจที่ช่วยตามรถคืนมาให้ ส่วนทางคดีให้ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.นิมิตร กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุสามารถให้การรู้เรื่องต่อพนักงานสอบสวน ส่วนการที่ญาติอ้างว่าผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิตเวช จะต้องมีการนำหลักฐานที่สามารถบ่งชี้ว่าผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยจริงมาแสดงต่อพนักงานสอบสวนตามขั้นตอน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย พร้อมนำผู้ก่อเหตุไปผัดฟ้องและฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน