เด็กนักเรียนหลีเป๊ะ เดือดร้อนหนักกว่าเดิม เอกชนรื้อรั้วเก่า-ล้อมรั้วใหม่ หวั่นสถานการณ์เผชิญหน้า“บิ๊กโจ๊ก”สั่งผู้การสตูลเร่งประสาน
วันที่ 16 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีข้อพิพาทบนเกาะหลีเป๊ะ ระหว่างชาวอูรักลาโว้ยและเอกชนที่อ้างเอกสารสิทธิในที่ดิน รวมถึงเรื่องการสร้างแนวรั้วปิดทางเข้า-ออกหลักของโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมแก้ไขปัญหา โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ซึ่งได้ลงพื้นที่และพิสูจน์แนวเขตที่ดินโดยเตรียมที่จะมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินแปลงที่ 11 ซึ่งกรมที่ดินอยู่ระหว่างดำเนินการ
อย่างไรก็ตามล่าสุดเอกชนที่อ้างกรรมสิทธิในที่ดินได้รื้อรั้วเก่าแต่สร้างประตูรั้วใหม่ปิดกั้นทางเข้าโรงเรียนโดยขยับเข้ามาในพื้นที่ที่อ้างกรรมสิทธิซึ่งมีความแข็งแรงกว่าเดิม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีคำสั่งให้นายอำเภอส่วนหน้าประสานให้เอกชนรื้อประตูรั้วออกเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเด็กนักเรียนในการเดินเท้าเข้าโรงเรียน
นางแสงโสม หาญทะเล รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ กล่าวว่า เอกชนได้เข้ามารื้อรั้วเหล็กที่เคยเป็นข้อพิพาทและสร้างแนวรั้วใหม่เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และในวันเดียวกันนี้เขาได้ดำเนินการรื้อกำแพงปูนของโรงเรียนออกเพราะมีการรุกล้ำเข้ามาในเขตของโรงเรียน ซึ่งหลังจากนี้โรงเรียนจะต้องของบประมาณมาดำเนินการสร้างรั้วโรงเรียนใหม่ด้วย นอกจากเอกชนจะรื้อรั้วเก่าแล้ว ได้สร้างรั้วใหม่ไปพร้อมกันด้วย โดยแนวรั้วใหม่อยู่ในเขต นส.3 เลขที่ 11 โดยเทียบแนวเขตที่ดินราชพัสดุของโรงเรียน
ครูแสงโสม กล่าวว่า ปัญหาที่ชาวบ้านร้องเรียนไปคือเอกชนปิดทางเข้าโรงเรียน-ทางลงทะเล ซึ่งเป็นทางเดินสาธารณะ แต่การแก้ไขด้วยการวัดแนวเขตของธนารักษ์ กลับกลายเป็นว่าเอกชนฉวยโอกาสเอาแนวเขตธนารักษ์มากั้นรั้วใหม่ ทั้งๆที่อยู่ในช่วงระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหา รัฐควรส่งหนังสือขอให้เอกชนชะลอการก่อสร้างใดๆก่อนกระบวนการแก้ไขปัญหาจะแล้วเสร็จ
“เรากังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ขึ้น และอาจจะรุนแรงกว่าเดิม เพราะการปิดทางลงหาดซึ่งเป็นทางหลักในการนำเครื่องมือประมงลงเรือของชาวบ้าน จะกระทบกับชาวเลทุกครัวเรือนที่ประกอบอาชีพประมง
ขณะนี้ชาวบ้านและโรงเรียนกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต้นเหตุของปัญหาคือเรื่องเส้นทางสาธารณะที่ใช้กันมานานแล้ว อยากให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหานี้ช่วยให้ชาวบ้านมีเส้นทางใช้ก่อน และหลังจากนั้นใครจะครอบครองอะไรตรงไหน ก็สุดแล้วแต่การพิจารณาของทางคณะกรรมการ” ครูแสงโสม กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ให้สัมภาษณ์ว่าทราบเรื่องที่เอกชนสร้างรั้วใหม่กั้นประตูทางเข้าโรงเรียนแล้วโดยได้สั่งการไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลให้ประสานเอกชนขอความร่วมมือหยุดการดำเนินการ เพราะคณะทำงานฯ กำลังดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินแปลง นส.3 เลขที่ 11 ทั้งหมด หลังตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการออกเอกสารที่ดินโดยมิชอบ
“เป็นปัญหาที่เกิดจากความล่าช้าของกระบวนการเพิกถอน ขณะนี้ทางปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดินกำลังเร่งดำเนินการในส่วนนี้อยู่ คาดว่าจะไม่มีความขัดแย้งอีกเพราะเป็นเรื่องที่คุยกันจบทั้งหมดแล้ว เป็นแนวทางเดียวกัน”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
นายมงคล แดงกัน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องการเพิกถอนเอกสารสิทธิมิชอบตามที่อุทยานฯเคยเสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนเมื่อปี 2557 นั้น ขณะนี้ได้เข้าสู่กระบวนการรวบรวมและตรวจสอบเอกสารใหม่อีกครั้งตามคำแนะนำของกรมที่ดินซึ่งครั้งก่อนมีกว่า 40 แปลงที่อุทยานฯเสนอไป ตอนนี้ได้กลับมาดูภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังอย่างละเอียด และอาจจต้องให้กรมที่ดินมารังวัดใหม่เป็นรายแปลง โดยเตรียมพร้อมเรื่องเอกสารหลักฐานต่างๆเพื่อปิดช่องโหว่ ซึ่งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้เรียกประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯก็จะได้นำเสนอเรื่องนี้
นายมงคลกล่าวว่า สำหรับกรณีที่ดินแปลงที่ 11 นั้น ขณะนี้เขายังยึดถือกรรมสิทธิตามเอกสารสิทธิอยู่จึงไม่สามารถทำอะไรได้จนกว่าจะมีการเพิกถอน การที่เอกชนสร้างรั้วใหม่ในพื้นที่ที่ตัวเองอ้างกรรมสิทธินั้น จึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายปกครองต้องช่วยเจรจา ส่วนกรณีที่มีการปลูกสร้างโรงแรมและรีสอร์ตในพื้นที่ที่เป็นของอุทยานโดยอ้างว่าเป็นพื้นที่งอกมาจากแปลงที่ 11 นั้น ขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 7 แปลง ส่วนอีก 2 แปลงเอกชนอ้างว่ามี ส.ค.1 ซึ่งตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่