เผยผลสำรวจ ‘กะเหรี่ยงบางกลอย’ ต้องการกลับ ‘ใจแผ่นดิน’ ด้วย 5 เหตุผล “อนุชา”รายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหา ชาวบ้านวอนเร่งมือ-หวั่นรัฐบาลหมดวาระ
วันที่ 23 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายอนุชา นาคาศรัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการฯ โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าจะตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอุทยานฯและฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อสำรวจพื้นที่บริเวณที่ชาวบ้านบางกลอยระบุว่าเป็นไร่หมุนเวียนตามมาตรา 64 ของ พ.ร.บ.อุทยานฯ ซึ่งการได้ข้อเท็จจริงออกมาจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายเพราะจะได้เกิดความชัดเจน
นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนกรณีคดีความที่ชาวบ้านถูกฟ้องร้องนั้น ขณะนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้ชะลอการฟ้องร้อง ซึ่งอะไรที่ดำเนินการไปด้วยความถูกต้องชอบธรรมรัฐบาลก็ยินดีสนับสนุน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมได้รับทราบรายงานที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน)และศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกรมอุทยานฯ ศึกษาเพื่อจัดทำข้อมูลชาวกะเหรี่ยงบางกลอย โดยพบว่ามีประชากร 196 หลังคาเรือน 882 คน เป็นบุคคลมีสัญชาติไทย 778 คน และไม่มีสถานะบุคคล 104 คน
โดยมีผู้ที่ประสงค์กลับไปใช้ชีวิตด้วยระบบเกษตรไร่หมุนเวียน 43 ครัวเรือน แยกเป็นต้องการกลับไปใช้ชีวิตที่บางกลอยบนแบบถาวร 116 คน ต้องการกลับไปเมื่อมีความพร้อม 34 คน และ ไม่ต้องการกลับไปบางกลอย 57 คน
สำหรับเรื่องการใช้ประโยชน์จากที่ดินจองกลุ่มที่ต้องการกลับไปดำรงวิถีชีวิตเกษตรแบบไร่หมุนเวียน พบว่าใน 37 ครอบครัว มีจำนวนครัวเรือนมากถึง 31 ครัวเรือนที่ไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และพบว่าสาเหตุที่ต้องการกลับไปดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมเพราะ
1.ไม่มีที่ดินหรือที่ดินที่มีอยู่ไม่มีความอุดมสมบูรณ์จึงให้ผลผลิตไม่เพียงพอ 2.ต้องการกลับไปอาศัยอยู่ในพื้นที่เดิมที่เคยเป็นถิ่นกำเนิดและพื้นที่ที่บรรพบุรุษเคยอาศัยอยู่ 3.ปัจจุบันไม่มีรายได้ที่แน่นอน/รายได้น้อยแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น 4.ไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย 5.ภายในชุมชนมีการแบ่งปันกันน้อยลง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมได้มีการพิจารณาถึงกรณีที่รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังครบวาระ แต่เป็นกังวลว่าจะทำให้การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ต้องหยุดชะงัก และต้องตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อได้รัฐบาลชุดใหม่ ทำให้ต้องเริ่มต้นนับ 1 กันอีก ดังนั้นจึงหาช่องทางให้คณะกรรมการชุดนี้ได้ทำงานต่อเนื่อง เพราะชาวบ้านกำลังประสบความลำบาก
นายพงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร ชาวบ้านบางกลอย กล่าวว่าตนและชาวบ้านบางกลอยได้ทราบข่าวว่ามีการประชุมของ คณะกรรมการอิสระกรณีบางกลอย แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก หากมีการสำรวจไร่หมุนเวียนที่บางกลอยบนชาวบ้านก็พร้อมร่วมดำเนินการพิสูจน์สิทธิ เพราะมีหลักฐานและร่องรอยที่ชาวบ้านทำมาหากินกันมานานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ อยากให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการเพราะตอนนี้ชาวบ้านกำลังประสบความลำบาก ทั้งปัญหาสุขภาพ และการขาดแคลนอาหารเนื่องจากไม่มีที่ดินในการทำการเกษตร