กรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก 4 คน ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำที่บก.ปทส. และออกหมายเรียกนายนพดล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติ ที่ถูกระบุว่าเป็นคนประสานให้นายเปรมชัยกับพวก เข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ให้มาพบพนักงานสอบสวนที่บก.ปทส.นั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 16 ก.พ. รายงานข่าวจาก บก.ปทส. แจ้งว่าหลังจากนายนพดลที่ถูกระบุว่าเป็นคนติดต่อ น.ส.กาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อให้นายเปรมชัยกับพวกรวม 4 คน เข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ปทส. ไปเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นการเข้าพบก่อนกำหนดในหมายเรียกที่นัดไว้ 15 ก.พ. เนื่องจากไม่ต้องการพบหน้าสื่อมวลชนนั้น ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น. วันนี้ นายนพดลเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปทส.อีกครั้ง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยาน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังมีข้อสงสัยบางประการ เช่น การติดต่อขออนุญาตเข้าพื้นที่ให้นายเปรมชัย โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงเดินทางกลับไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนนายนพดลให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี สามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลได้ โดยนายนพดลยังคงให้การว่า นายเปรมชัยแจ้งมาว่าจะเดินทางเข้าไปในเขตอุทยานฯ จึงติดต่อไปยังน.ส.กาญจนา แล้วใช้ความสัมพันธ์แบบรุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อขอเข้าพื้นที่
สำหรับในส่วนของวันนี้นายนพดลให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไม่ทราบมาก่อนว่านายเปรมชัยจะเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯเพื่อไปล่าสัตว์ป่า ทราบเพียงจะเข้าไปเพื่อศึกษาธรรมชาติเท่านั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหานายนพดล เนื่องจากยังไม่พบการกระทำที่เป็นความผิด การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเอาผิดกับนายนพดลได้ก็ต่อเมื่อมีหลักฐานหรือคำให้การ ที่ยืนยันได้ว่านายนพดลประสานงานให้นายเปรมชัยเข้าพื้นที่ทั้งที่รู้ว่าจะเข้าไปล่าสัตว์ป่า ส่วนจะเรียกนายนพดลมาสอบปากคำอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่บก.ปทส.ว่ามีข้อสงสัยใดเพิ่มเติมอีก
