วันที่ 21 ก.พ. นายธาตรี บุญมาก นายอำเภอลับแล จ.อุตรดิตถ์ ลงพื้นที่สวนหอม ม.9 ต.ชัยจุมพล อ.ลับแล เป็นแหล่งปลูกหอมสำคัญของจังหวัดและของประเทศ

นายธาตรี กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงตรุษจีนตลาดหอมแบ่ง หรือต้นหอมสำหรับรับประทานสด มีราคาเหมาไร่ละ 50,000 บาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10,000 บาท เนื่องจากสภาพอากาศปีนี้หนาวเย็นนาน และไม่มีโรค ทำให้ต้นหอมอวบสวย ขายได้ราคา ส่วนหอมแดง เฉลี่ยผลผลิตไร่ละ 6 ตัน สร้างรายได้ไร่ละประมาณ 90,000 บาท นอกจากนี้เกษตรกรยังเก็บผลผลิตบางส่วนไว้จำหน่ายเป็นต้นพันธุ์ ซึ่งจำหน่ายได้ราคาสูงขึ้นอีกเท่าตัว จากการลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกรโดยตรง ทั้ง 3 ตำบลซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกหอมแดง หอมแบ่ง ได้แก่ ชัยจุมพล ฝายหลวง และทุ่งยั้ง พบว่าฤดูกาลนี้ผลผลิตทั้งหอมแดง หอมแบ่ง มีกว่า 15,000 ไร่ จะสร้างรายได้นับ 1,000 ล้านบาท และ 1 ปี สามารถปลูกได้ 2 – 3 รอบ

นายอำเภอลับแล กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและระบบสุขภาพอำเภอ (พชอ.) กำลังเดินหน้าส่งเสริมการปลูกหอมแบบอินทรีย์ โดยเปิดรับเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแบบสมัครใจ ซึ่งขณะนี้เข้าร่วมแล้วหลายราย จำนวนหลายร้อยไร่ ก็ได้ประสานทางหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามาตรวจ ประเมิน รับรอง และให้คำแนะนำ นอกจากนี้ ยังมี ตลาด Green Market ที่โรงพยาบาลลับแล รองรับผลผลิตของเกษตรกรอีกด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า อีกทั้งดีต่อสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค

ด้านนายทูล ดีปัญญา ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.ชัยจุมพล ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้ปลูกหอมแบ่ง กล่าวว่า ปีนี้ปลูกหอมไว้ 8 ไร่ ใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว ราคาแบบนี้ เกษตรกรอยู่ได้ มีกำไรเฉลี่ยไร่ละประมาณ 25,000 บาท อีกทั้งยังสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในอำเภอและพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งค่าถอนต้นหอม ค่าหาบ ตัดต้นพันธุ์ และบรรจุถุง ยิ่งตลาดคึกคัก แรงงานก็มีรายได้มากขึ้น

ส่วน นางสนธยา เพชรสิน อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 3 ม.7 ต.ป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ได้รวมกลุ่มแรงงานกันจำนวน 10 กว่าคน รับจ้างจากผู้ซื้อ กิโลกรัมละ 1.50 บาท ค่าถอน 1 บาท และค่าหาบ 50 สตางค์ นำรายได้มาหารกัน มีรายได้จากการรับจ้างสูงสุดถึงวันละ 1,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน