สาวเชียร์เบียร์ ร้อง อดีตทหาร ตบปากแตกกลางร้านอาหารในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ อ้างถูกจับหนอน ประกาศศักดิ์ดาเป็นคนใหญ่โต แม่หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันที่ 26 มิ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจเฟซบุ๊กกลุ่มสาธารณะแจ้งข่าวเตือนภัยของชาวนครสวรรค์ โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งนำคลิปภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ของหญิงสาวถูกชายรายหนึ่งทำร้ายร่างกาย ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยระบุข้อความด้วยว่า “คลิปนี้เป็นเหตุการณ์เมื่อคืนวันศุกร์ 23 มิ.ย.66 #กันจอมพลัง ซอยวัชระค่ะ ขออนุญาตไม่แจ้งชื่อร้านนะคะ ลูกสาวของเราทำงานเป็นเด็กเชียร์เบียร์ที่หัวหน้างานมีการจับลงตามร้านต่าง ๆ ทุกครั้งที่ทำงานก็ทำเป็นปกติทั่วไป ที่เด็กสาวเชียร์เบียร์ทำ งานที่ไหนถ้าไม่ไกลมากจนพ่อแม่เป็นห่วงเขาก็จะรับหมดทุกงาน

สาวเชียร์เบียร์ ร้อง อดีตทหาร ตบปากแตกกลางร้านอาหารในพื้นที่ จ.นครสวรรค์

สาวเชียร์เบียร์ ร้อง อดีตทหาร ตบปากแตกกลางร้านอาหารในพื้นที่ จ.นครสวรรค์

แต่ในคลิปนี้ลูกค้าอ้างว่าลูกสาวไปจับอวัยวะเพศของเขา แล้วเหตุการณ์ก็ตามดังคลิปเลย มีการข่มขู่ว่า “เป็นคนใหญ่คนโตถ้ามึงไปแจ้งความมึงต้องเอากูให้ลง ถ้าเอากูไม่ลงกูจะกลับมาเก็บมึง” ตอนนี้แจ้งความไว้ที่กองใต้แล้วตรวจร่างกายเรียบร้อย แล้วตำรวจแจ้งว่าให้หาหลักฐานมาเอง นั่นลูกกูไม่ใช่ลูกมึง มึงไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรลูกกู และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โพสต์นี้เพื่อเป็นประโยชน์ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง หวังอีกครั้งว่าจะมีคนใดสักคนเข้ามาช่วยเหลือนะคะ”

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้โพสต์ ทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นในคลิป เป็นลูกสาวที่ถูกกระทำ ทราบชื่อคือ น.ส.สุสิตา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ทำงานเป็นพนักงานเชียร์เบียร์ ตามร้านอาหารต่าง ๆ จึงได้เดินทางไปพบกับ น.ส.สุสิตา ที่บ้านพัก เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวได้โชว์ร่องรอยการบาดเจ็บให้ดูที่บริเวณใบหน้า

น.ส.สุสิตา กล่าวว่า คืนวันนั้น ตนไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งตามปกติ ซึ่งก็เดินเชียร์ขายสินค้าตามโต๊ะต่าง ๆ แล้วก็ไปพบกับลูกค้าคู่กรณีที่เคยคุ้นหน้าคุ้นตา เรียกให้ตนไปหา บอกจะช่วยซื้อ 3 ขวด จากนั้น ตนก็ไปเอาเบียร์มาเสิร์ฟให้ แล้วก็นั่งคุยเป็นเพื่อนกับลูกค้าคู่กรณีรายนั้น แต่ระหว่างที่พูดคุยกันไปมา และมีการโดนแตะเนื้อต้องตัวกัน

น.ส.สุสิตา กล่าวต่อว่า ปรากฏว่า ตนถูกชายคู่กรณีรายนั้น ง้างมือขึ้นมาตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง จนตนต้องรีบเอามือไปจับข้อมือของลูกค้าคู่กรณีเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาตบอีกดาบสอง แต่ก็ยังไม่วาย ถูกเขาด่าสาดเสียเทเสีย หาว่าไปล้วงจับหนอนน้อยของเขา แถมยังพูดข่มขู่ตนประมาณว่า เป็นคนใหญ่คนโต ถ้าไม่แน่จริง ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก

ผู้สื่อข่าวถามว่า เอามือล้วงไปจับหนอนน้อยตามที่ชายรายนั้นกล่าวอ้างจริงหรือไม่ น.ส.สุสิตา ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ตอนนั้นยอมรับว่า ระหว่างที่พูดคุยกัน ต่างคนต่างเมากันทั้งคู่ และมีการพูดจาหยอกล้อกัน แล้วตนก็เอื้อมมือไปจับพุงบีบพุงของเขา ตามประสาคนรู้จักกันก็แค่นั้น ซึ่งก็มีเพื่อนสาวที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน ยืนยันได้ว่า เห็นตนเอาไปจับบีบพุงของเขาจริง ๆ

น.ส.สุสิตา กล่าวต่อว่า แต่ดันกลายเป็นว่าเขาโมโห ง้างมือมาตบที่ปากตนอย่างแรง จนปากแตกเลย แล้วยังหาว่าตนไปจับหนอนน้อยเขาอีก จึงทำให้ตอนนั้น ตนรู้สึกอายมาก แต่ก็เอามือไปจับข้อมือเขาไว้เพื่อป้องกันตัว แล้วก็ถามเขาว่า ต้องตบกันเลยหรอ จากนั้น กลุ่มเพื่อน ๆ ที่มาด้วยกันกับเขา ก็ช่วยดึงห้ามปรามก่อนที่ตนจะลุกออกจากโต๊ะ ไปนั่งกับลูกค้าที่โต๊ะอื่น

“ตอนนั้น หน้าหนูทั้งมึนทั้งชาไปหมดเลย แถมปากยังแตก ฟิวตอนนั้น หนูก็โมโหถึงขั้นเกือบขีดสุด จะหยิบขวดที่อยู่บนโต๊ะลุกไปตีคืนให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย แต่ก็ยังมีสติ ข่มใจไว้ได้ ว่าอย่าดีกว่า แล้วก็ตัดใจลุกจากโต๊ะไปทันที แล้วหลังจากเลิกงาน หนูก็ให้เพื่อน ๆ ภายในร้านนำหลักฐานกล้องวงจรปิดตอนที่เกิดเหตุการณ์เอาไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อจะให้ดำเนินคดีกับลูกค้ารายนี้ให้ถึงที่สุด” น.ส.สุสิตา กล่าว

น.ส.สุสิตา กล่าวอีกว่า แต่ปรากฏว่า ตำรวจกลับให้ตนไปหาหลักฐานมาเพิ่มว่า ลูกค้ารายนี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน ซึ่งก็พาตนมึน มืดแปดด้านเข้าไปอีก เพราะถึงแม้จะเคยรู้จักพูดคุยกับลูกค้ารายนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน เพราะที่ผ่านมา ก็มักจะเจอเขาแค่ตามร้านอาหารต่าง ๆ ที่ตนไปทำงาน แต่พอหลังเลิกงาน ก็ไม่เคยมีเบอร์พูดคุยติดต่อกันเลย ก็ประมาณว่า ตนมาทำงาน แล้วเขาก็มาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน คอยช่วยอุดหนุนสินค้าตน ตนก็คอยเอ็นเตอร์เทนเอาใจเพื่อสร้างความสนุกให้กับกลุ่มของเขาที่ช่วยอุดหนุนก็แค่นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่พูดคุยกับ น.ส.สุสิตา ปรากฏว่า มีเสียงโทรศัพท์ของเจ้าตัวดังขึ้นมา น.ส.สุสิตาจึงรับสาย ทราบว่า เสียงปลายสายเป็นตำรวจเจ้าของคดี โทรศัพท์มาหา เพื่อนัดให้เจ้าตัวไปที่เกิดเหตุ ในการตรวจสอบหาพยานหลักฐาน แต่ระหว่างการพูดคุย ทางตำรวจได้สอบถามกรณีที่มีการนำข้อความไปโพสต์บนเฟซบุ๊ก ให้ไปหาหลักฐานเอาเองนั้น มันไม่เป็นความจริงตามข้อความ พร้อมยืนยันว่า เขาบอกว่าให้ น.ส.สุสิตา ไปหาหลักฐานมาเพิ่มเติมเพื่อประกอบสำนวน ในการเตรียมเอาผิดกับคู่กรณีได้เลย ซึ่งน.ส.สุสิตาก็ทำหน้าแบบงุนงง แต่ก็ตอบกลับไปว่า “ค่ะ ค่ะ ค่ะ” ตลอดจนวางสาย

ด้าน นางแสงรุ้ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี แม่ของ น.ส.สุสิตา ยอมรับว่า ตอนนั้นกลัวลูกสาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และกลัวคู่กรณีจะมาเอาเรื่องทำร้ายลูกสาวอีก จึงได้นำคลิปกล้องวงจรปิด พร้อมกับบรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามที่ลูกสาวเล่า เอาไปโพสต์ไว้ในเพจเฟซบุ๊กกลุ่มสาธารณะ เพื่อต้องการให้สังคมรับรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

นางแสงรุ้ง กล่าวต่อว่า หากลูกสาวเกิดเป็นอะไรไปอีก อย่างน้อยก็มีคนในโซเชียลมีเดียที่สนใจ คอยเป็นแรงผลักดันในการช่วยลูกสาวได้ ซึ่งตอนที่รู้ว่าลูกโดนลูกค้าทำร้าย รู้สึกโมโหแทนเลย อยากจะเจอมือตบมาก แต่ตอนนี้รู้สึกห่วงความปลอดภัยในตัวลูกมากกว่า และที่นำเรื่องราวไปโพสต์ก็หวังต้องการที่จะมีใครสักคนกล้าชนกล้าต่อกรมาช่วยในการเอาผิดคู่กรณี ที่เขาประกาศศักดิ์ดาว่าข้านี่ยิ่งใหญ่นักหนา เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับลูกสาว

ทั้งนี้ ในส่วนของตำรวจ มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่พอจะทราบตัวคู่กรณีที่ก่อเหตุตบ น.ส.สุสิตา จนปากแตกแล้ว เบื้องต้น ทราบว่า คู่กรณีเป็นอดีตทหารที่เกษียณอายุราชการ อายุ 63 ปี ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ในการเอาผิดคู่กรณีของ น.ส.สุสิตา ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน