ตร.ทางหลวงโคราช จับใบขับขี่ปลอม 3 ราย เตือนของจริงต้องออกโดยขนส่งเท่านั้น อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ มีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม โทษสูงจำคุก 5 ปี
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.พิชญ์รุจ กุลวิมลประทีป ผกก.6บก.ทล., พ.ต.ท.จิระพันธุ์ รุจิระกุล รอง ผกก.6 บก.ทล., พ.ต.ท.วิษณุ คำโนนม่วง รอง ผกก.6 บก.ทล. สั่งการให้ พ.ต.ท.จิระพันธ์ มณีรัตน์ สว.ส.ทล.1 กก.6 บก.ทล. ร.ต.อ.มนตรี ศรีวัฒนกุล รองสารวัตร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ตั้งจุดตรวจป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดบนทางหลวง บริเวณ ทล.2 กม.74 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ก่อนที่จะพบรถต้องสงสัย 3 คัน จึงเรียกตรวจสอบ พบนายสมศักดิ์ อายุ 48 ปี นายสมาน อายุ 54 ปี และนางบุญรอด อายุ 59 ปี แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่รถแต่ละคัน เมื่อขอดูใบอนุญาตขับขี่ พบว่าใบอนุญาตขับขี่ที่ทั้ง 3 รายใช้แสดงให้แก่เจ้าหน้าที่ มิได้เป็นใบอนุญาตขับขี่ ที่ออกโดยราชการและจากการตรวจสอบจากฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติและ กรมการขนส่งก็ไม่พบข้อมูลว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 มีใบอนุญาตขับขี่ฉบับดังกล่าวแต่อย่างใด
ตำรวจทางหลวงจึงสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 3 พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 ไม่ได้ไปสอบที่ขนส่งของท้องที่ แต่ทำใบอนุญาตขับขี่จากโรงเรียนสอนขับรถ บางรายบอกมีคนแนะนำให้ทำโดยเสียค่าใช้จ่าย รายละ 2-3 พันบาท ทำมานาน และใช้มาได้ปีกว่าแล้ว ตำรวจจึงบันทึกข้อมูลไว้เพื่อสืบสวนขยายผลต่อไป แล้วแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 ทราบว่า “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” นำตัวส่ง สภ.หนองสาหร่าย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ตำรวจทางหลวงฝากย้ำเตือนว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล. ให้ตำรวจทางหลวงกวดขันจับกุมอาชญากรรมบนท้องถนน โดยเฉพาะอาวุธปืน ยาเสพติด รวมถึงความผิดอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน เช่น ใบขับขี่ปลอมที่ระบาดมาต่อเนื่อง คนที่ไม่ได้ไปสอบใบขับขี่ แต่ใช้เงินเสียค่าใช้จ่าย นำใบขับขี่ปลอมมาขับรถบนท้องถนน เป็นอันตรายแก่ประชาชนคนบริสุทธิ์ผู้ใช้รถใช้ถนน
Advertisement
จึงฝากเตือนพี่น้องประชาชน ใบขับขี่ที่แท้จริงจะต้องสอบ และออกโดยกรมการขนส่งเท่านั้น อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพว่าสามารถทำใบขับขี่ให้ได้ โดยไม่ต้องไปสอบที่ขนส่ง หากไปทำใบขับขี่ปลอม แล้วนำมาใช้ขับรถ แสดงต่อเจ้าพนักงานจะเป็นความผิดฐาน ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ตาม ป.อาญา มาตรา 265 มีโทษสูงถึง 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับ 1,000-10,000 บาท
