ผอ.รพ.ศรีสะเกษ สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบด่วน ปมฐานข้อมูลผู้ป่วยล่ม หลังสะพัดฝีมือคนในหวังขายโปรแกรม 3 ล้านบาท พบผิดจริงสั่งฟันไม่เลี้ยง

วันที่ 2 ส.ค.2566 จากกรณีที่มีการโพสต์ในเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ว่า “มีการลบข้อมูลผู้ป่วยจริงหรือไม่ ลบเพื่อเหตุอะไรขายโปรแกรมหรืออย่างไร ส่วนกลางและสื่อสังคมช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย โรงพยาบาลศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล (เป็นข้าราชการ) ได้ทำการลบข้อมูลผู้ป่วย ใน Database ทั้งระบบ ทำให้ระบบ HIS ล่มทั้งระบบ ไม่สามารถให้การรักษาผู้ป่วยได้ ผู้ป่วยที่เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลต้องเดินทางกลับ โดยที่ยังไม่ได้รับการรักษา

ผอ.รพ.ศรีสะเกษ สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบด่วน ปมฐานข้อมูลผู้ป่วยล่ม

ผอ.รพ.ศรีสะเกษ สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบด่วน ปมฐานข้อมูลผู้ป่วยล่ม

อีกทั้งข้อมูลเก่าสูญหาย ทำให้ไม่สามารถเรียกเก็บได้ โรงพยาบาลสูญเสียรายรับเกือบ 50 ล้านบาท โดยมีผู้หวังดีส่งแชทหลุดของผู้กระทำมา ซึ่งจะเห็นว่ามีการแอบอ้าง ว่ามีแบ็กใหญ่ เป็นเด็กในสังกัดของ ผอ. โรงพยาบาลว่าเป็นใครไม่มีใครกล้าทำไร ซึ่งเรื่องนี้ทางผู้ใหญ่รับทราบ ได้แต่บอกจะดำเนินการ แต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ซึ่งมีการกระทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง สามารถตรวจสอบได้

โดยการกระทำดังกล่าวเพื่อที่จะเสนอขายโปรแกรมให้กับทางโรงพยาบาลเพื่อกินค่าหัวคิว จากแชทที่หลุด ซึ่งโดยปกติการกระทำลักษณะนี้เป็นคดีอาญาและแพ่ง ทุกวันนี้คนที่กระทำยังเดินลอยหน้าลอยตาปกติในโรงพยาบาล โดยเหตุการล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4/7/2566 รายละเอียดสามารถตรวจสอบได้ครับ ซึ่งอาจจะเกิดอีกจากแชทที่หลุดมา ลองนึกถึงคนที่เดินทางมาจากต่างอำเภอ เจ็บป่วยหนักไม่ได้รับการรักษาจะมีผลกระทบยังไง อยากฝากให้ช่วยเป็นสื่อให้กับทางผู้ใหญ่ได้ดำเนินการครับ”

เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พบว่า บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลมีญาติผู้ป่วยนำผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษาพยาบาลจำนวนมาก และได้ติดต่อขอพบกับ นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง ผอ.โรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร ทราบว่า นพ.ชลวิทย์ เดินทางไปราชการที่กรุงเทพฯ

ผู้สื่อข่าวจึงได้โทรศัพท์สอบถามไปยังแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลดังกล่าวนี้ จากการสอบถามแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ตนให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตนรู้สึกว่าผู้ป่วยที่ต้องเดินทางจากต่างอำเภอเพื่อมารักษาในโรงพยาบาลศรีสะเกษ แต่ปรากฏว่า ระบบข้อมูลผู้ป่วยหาย ไม่สามารถทำการรักษาได้ ทำให้ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างอำเภอต้องกลับบ้านก่อน แล้วค่อยกลับมารักษาใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียหายเป็นอย่างยิ่ง และถ้าหากเป็นครอบครัวเรา เจอเหตุการณ์อย่างนี้ จะรู้สึกอย่างไร

แหล่งข่าว กล่าวว่า การกระทำนี้มาจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศรีสะเกษคนหนึ่ง โดยสาเหตุที่ทำเช่นนี้ เพื่อต้องการจะขายโปรแกรม BACK UP ฐานข้อมูลผู้ป่วย มีมูลค่าถึง 3 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลศรีสะเกษ และสาเหตุที่เจ้าหน้าที่คนนี้ทำระบบฐานข้อมูลผู้ป่วยตัวเดิมล่ม เนื่องจากต้องการให้มีการซื้อโปรแกรมกับเจ้าหน้าที่คนนี้ เหมือนเป็นการกระตุ้นให้โรงพยาบาลศรีสะเกษรีบซื้อโปรแกรม ไม่งั้นระบบของโรงพยาบาลก็จะล่มอยู่แบบนี้ตลอด

แหล่งข่าว กล่าวต่อว่า เรื่องราวดังกล่าว ทางผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลศรีสะเกษได้รับทราบเรื่องแล้ว และได้เรียกตัวเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว เข้าไปเพื่อพูดคุยแล้ว ซึ่งความผิดในเรื่องนี้ สร้างความเสียหายให้กับรัฐถึง 50 ล้านบาท อีกทั้งยังมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและอาญา แต่ปรากฏว่า ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่คนนี้ ยังทำงานปกติ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะเขามีเส้นสาย หรือคนใหญ่คนโตอยู่เบื้องหลัง ตามที่กล่าวอ้างจริงก็ได้

ด้าน นพ.ชลวิทย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งขณะนี้ตนได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ได้กำชับให้คณะกรรมการเร่งดำเนินการสอบสวนให้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนที่สุด หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงจะดำเนินการทางวินัยและอาญาสถานหนักกับผู้กระทำผิดทันที

นพ.ชลวิทย์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการแอบอ้างว่า เส้นใหญ่มีแบ็กหนุนหลังนั้น ตนขอเรียนว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงพยาบาลศรีสะเกษ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัยของข้าราชการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว หากทำผิดวินัยจริงไม่มีใครช่วยได้อย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน