รวบหนุ่มขับเบนซ์ป้ายแดง สวมทะเบียนปลอม อ้างซื้อมาจากเน็ต เพราะเลขสวยดี

รวบหนุ่มขับเบนซ์ป้ายแดง สวมทะเบียนปลอม อ้างซื้อมาจากเน็ต ในราคา 3 พันบาท เพราะเลขสวยดี อีกรายเป็นกระบะทะเบียนปลอม บอกพ่อซื้อมาให้

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.66 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทน ผบก.ตำรวจทางหลวง (ทล.) จับกุม นายพลัฏ อายุ 33 ปี ชาว ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม”

พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น GLA200 ติดป้ายทะเบียนเป็นป้ายแดง ฐ9999 กรุงเทพมหานคร โดยการจับกุมครั้งนี้ทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ สั่งการให้ตำรวจทางหลวงทุกสถานี ออกกวดขันจับกุมผู้ใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม โดยเฉพาะเมื่อได้รับแจ้งจากศูนย์ปฏิติการตรวจสอบและเฝ้าระวังรถต้องสงสัย หรือ Suspect Vehicle Command Center (SVCC) ให้รีบเข้าดำเนินการตรวจสอบทันที

โดยเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า มีรถยนต์ ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่น GLA200 ติดป้ายทะเบียนเป็นป้ายแดง ฐ 9999 กรุงเทพมหานคร ขับไปตามถนนหมายเลข 1020 สายเชียงราย-เทิง หลักกิโลเมตรที่ 1-2 พื้นที่ ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าเป็นป้ายทะเบียนของปลอม จึงนำกำลังออกตรวจสอบ จนกระทั่งพบรถคันดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เรียกให้หยุดก่อน แจ้งให้นายพลัฏ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ทราบถึงการเรียกตรวจ

จากนั้นนำไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์ปฏิบัติการจราจร สภ.เมืองเชียงราย โดยพบว่าป้ายทะเบียนที่ติดอยู่ที่รถทั้งหน้าและหลังของรถเป็นปลอม นายพลักฏให้การว่าซื้อป้ายทะเบียนรถดังกล่าวมาจากเพจในเฟซบุ๊ก เมื่อปี 2565 ในราคา 3,000 บาท สาเหตุเพราะชอบเลขสวย

อีกรายวันเดียวกัน ร.ต.ท.ชวง พรมมินทร์ รอง สว.(ป.) ส.ทล.5 กก.5 บก.ทล.นำกำลังร่วมกันจับกุม นายประทิน อายุ 30 ปี ชาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น ดีแม็ค สีเทา ติดป้ายทะเบียน ผต261 เชียงราย

โดยได้บริเวณถนนพหลโยธิน ด้านหน้าโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่จัน ต.แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งเตือนจากกล้องตรวจจับการกระทำความผิดว่า มีรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น ดีแม็ค สีเทา ติดป้ายทะเบียน ผต261 เชียงราย ขับไปตามถนนสายดังกล่าว จึงรีบนำกำลังออกติดตามรถคันดังกล่าว

โดยพบนายประทินเป็นคนขับจึงเรียกตรวจสอบ พร้อมแจ้งว่าเป็นป้ายปลอม ซึ่งนายประทินให้การว่า พ่อของตนประกอบอาชีพค้าขายรถจึงซื้อรถคันนี้มาได้ 3-4 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้ง 2 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” ตามกฎหมาย