มท.1 ลงพื้นที่ อ.ร้องกวาง จ.แพร่ หลังฝ่ายปกครองประสานฝ่ายความมั่นคง ตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 7.6 ล้านเม็ด กว่า 300 ล้านบาท ในป่าช้าบ้านดอนชุม

เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง และคณะ ลงพื้นที่ อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ในภารกิจสืบเนื่องจากวันที่ 16 ต.ค. ฝ่ายปกครองในพื้นที่ตรวจพบยาบ้า 7.6 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท บริเวณฌาปนสถานบ้านดอนชุม ม.4 ต.แม่ยางร้อง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ โดยนายอนุทิน พร้อมคณะได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ และไปตรวจสอบของกลางพร้อมแถลงข่าวการยึดยาเสพติดจำนวนดังกล่าวที่สภ.ร้องกวาง

นายอนุทิน กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ เพื่อมาดูเหตุการณ์ด้วยตนเอง เพื่อให้กำลังใจและชื่นชมผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และเน้นย้ำถึงนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่ประกาศเป็นศัตรูกับยาเสพติดและผู้มีอิทธิพลทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ซึ่งการตรวจยึดยาบ้าได้ 7.6 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 300 ล้านบาทครั้งนี้ ถือเป็นการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายที่อุกอาจ แสดงถึงความทุ่มเทและเสียสละของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน

นายอนุทิน กล่าวว่า การจับกุมยาบ้าในครั้งนี้ถึง 7.6 ล้านเม็ด เป็นการจับกุมที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับ 2 ของจ.แพร่ แต่ถือว่ามีมูลค่าสูงมาก และเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเราปล่อยให้ยาบ้าจำนวนนี้เล็ดลอดเข้าไปผ่านจังหวัดภาคเหนือตอนบนถึงกรุงเทพฯ ได้ จะเกิดความเสียหายต่อสังคมและเยาวชน ผู้เสพอีกประมาณค่าไม่ได้ เพราะในราคาที่จะไปขายปลีก จากข้อมูลตีไว้ที่ 40 บาทต่อเม็ด คิดเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งสูงมาก

ดังนั้น ขอแสดงความชื่นชมที่ได้เห็นการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย และฝ่ายความมั่นคง คือตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน จนทำให้เกิดปัญหาในการลำเลียงยาเสพติด และถ้าเราร่วมกันทำงานอย่างเข้มแข็งในครั้งนี้ จะทำให้คนคิดไม่ดีกับประเทศชาติต้องเจอกับอุปสรรคและทำผิดได้ยาก

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การตรวจยึดในครั้งนี้คือ ตัวอย่างความร่วมมือกัน โดยเฉพาะประชาชน เพราะเรื่องนี้เกิดจากการสังเกตความผิดปกติในพื้นที่ โดยชาวบ้านเห็นความผิดปกติก็แจ้งกำนัน กำนันมาตรวจสอบพบว่าน่าจะมีสิ่งผิดกฎหมายในตัวรถ ก็แจ้งนายอำเภอ และผู้กำกับการสภ.ร้องกวาง ทุกส่วนได้เดินทางเข้าไป ย้ำว่าทุกคนมาด้วยความเสี่ยง เพราะของกลางมูลค่ามาก ถ้าเขาไม่เห็นความเข้มแข็งของฝ่ายบ้านเมือง เขาคงพยายามเอาของกลางเหล่านี้คืนไปให้ได้ อาจเกิดการใช้อาวุธปะทะกัน ซึ่งโชคดีที่สิ่งเหล่านั้นไม่เกิด เพราะเขาเห็นความเข้มแข็งของฝ่ายบ้านเมืองผู้รักษากฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าพนักงานตามกฎหมายได้ทราบเบาะแสตัวตนผู้กระทำผิดแล้ว และอยู่ระหว่างไล่จับกุมให้เร็วที่สุด หลังจากนี้ยาเสพติดของกลางจะถูกลำเลียงไปที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อเข้าสู่กระบวนการทำลายโดยกระทรวงสาธารณสุขต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน