สธ.ลุยสอน “เด็ก” 3,300 คน ว่ายน้ำ-CPR หลังพบจมน้ำดับปีละ 700 คน เหตุว่ายน้ำไม่เป็น ขาดทักษะเอาชีวิตรอด ดันสร้างทีมผู้ก่อการดี ป้องกันการจมน้ำครอบคลุมทุกตำบล

วันที่ 26 ต.ค. 2566 ที่สระว่ายน้ำกระทรวงสาธารณสุข นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดกิจกรรม “Survival Swimming Skills เพื่อเด็กไทยไม่จมน้ำ” ว่า ปัญหาการจมน้ำเป็นปัญหาสำคัญทั้งระดับโลกและประเทศ จากข้อมูลองค์การอนามัยโลกพบว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปีสำหรับประเทศไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปี 2556-2566 พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิต 6,992 คน เฉลี่ยปีละเกือบ 700 คน โดยเด็กอายุ 1-9 ปี เสียชีวิตสูงสุด โดยเฉพาะช่วงปิดเทอมใหญ่หน้าร้อน (มี.ค. – พ.ค.) สาเหตุที่พบบ่อยคือ ขาดทักษะการเอาชีวิตรอดในน้ำและการช่วยเหลือคนตกน้ำ จมน้ำที่ถูกต้องขณะที่ผลสำรวจของกรมควบคุมโรค ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2562 พบว่า เด็กไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป ว่ายน้ำเป็น ร้อยละ 28.4 และว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดได้เพียงร้อยละ 9.4 หรือเด็กไทยเกือบ 7 ล้านคนว่ายน้ำเป็นเพียง 1.9 ล้านคนทั้งนี้ ประเทศไทยขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันการจมน้ำตามมติสหประชาชาติที่เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเร่งดำเนินการป้องกันการจมน้ำ ใน 10 ประเด็นหลัก หนึ่งในนั้น คือ สอนให้เด็กทุกคนมีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ มีทักษะการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด และปฐมพยาบาลโดยสร้างทีมผู้ก่อการดี (MERIT MAKER) เพื่อป้องกันการจมน้ำให้ครอบคลุมทุกตำบล จนเกิดเป็นผลสำเร็จและเป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลกกิจกรรมสำคัญ คือ 1.สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งมีการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็ก ขณะที่พาเด็กมารับวัคซีน/ตรวจพัฒนาการ 2.สนับสนุนให้เด็กแรกเกิด – 2 ปี มีคอกกั้นเด็กใช้ในทุกครัวเรือน และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีพื้นที่เล่นที่ปลอดภัย 3.การร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ สนับสนุนให้เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป สามารถว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดได้ มีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ ทักษะการเอาชีวิตรอด วิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำ และ 4.ให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ทำ CPR เป็น เนื่องจากการปกป้องคุ้มครองเด็กไม่ให้เสียชีวิตจากการจมน้ำเป็นงานสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา เพื่อลดการเสียชีวิตของเยาวชนก่อนวัยอันควร

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การคิกออฟกิจกรรมนี้ จะทำให้เด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 300 คน และอีก 3,000 คน จาก 15 จังหวัด ที่ร่วมกิจกรรมตลอดเดือน ต.ค. มีโอกาสฝึกปฏิบัติทักษะเบื้องต้น ทั้งการเอาชีวิตรอดทางน้ำ การช่วยเหลือคนตกน้ำ และการทำ CPR ช่วยคนจมน้ำ และจะขยายผลไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงเร่งส่งเสริมผลักดันให้เกิดการสร้างทีมผู้ก่อการดี (MERIT MAKER) ให้ครอบคลุมทุกตำบล เพื่อปกป้องเด็กไทยทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน