“รับน้องขึ้นดอย” มช. 2566 วันที่ 18 พ.ย.นี้ รวมใจลูกช้าง สู่เส้นทางแห่งสปิริต ตลอดระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร เผยธีมงาน 100 ปี สังคมเมืองเชียงใหม่
ประเพณีการนำน้องใหม่ไปนมัสการพระบรมธาตุดอยสุเทพ “รับน้องขึ้นดอย” เป็นประเพณีที่สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2507 เป็นต้นมา
สำหรับปี 2566 จะจัดขึ้นในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะร่วมใจกันเดินขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร นับว่าเป็นการรับน้องที่สร้างสรรค์ และได้รับความสนใจจากสาธารณชนทั่วประเทศที่ปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันมาทุกปี
ในปี 2566 นี้ สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ น้อมนำเรื่องราวเสี้ยวหนึ่งของสังคมเมืองเชียงใหม่เมื่อราว 100 ปีที่ผ่านมาเป็นธีมของงาน จากความงดงามของประวัติศาสตร์ในช่วงศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงเวลาสำคัญของเมืองเชียงใหม่ สังคมแบบยุคจารีตกำลังก้าวผ่านสู่สังคมโลกสมัยใหม่ อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงระบบบริหารราชการแผ่นดิน การขยายตัวของโครงข่ายระบบคมนาคมและการสื่อสาร การปรับเปลี่ยนของเศรษฐกิจโลก
ตลอดจนความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งเสริมการอนุรักษ์การถ่ายทอดภูมิปัญญา และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น อันเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ด้านล้านนาสร้างสรรค์ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กำหนดการประเพณีรับน้องขึ้นดอย 2566 ดังนี้
03:30 น. ขบวนเสลี่ยงช้างแก้วออกเดินทางจากมหาวิทยาลัย
04:00 น. 1.คณะวิศวกรรมศาสตร์
2.คณะเกษตรศาสตร์
3.คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์
4.คณะอุตสาหกรรมเกษตร
5.คณะแพทยศาสตร์
6.คณะวิทยาศาสตร์
7.คณะพยาบาลศาสตร์
8.คณะเทคนิคการแพทย์
9.คณะสัตวแพทยศาสตร์
10.คณะบริหารธุรกิจ
11.วิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล
07.00 น. พิธีเปิด
– คณะผู้บริหาร แขกผู้มีเกียรติ พร้อมกันบริเวณปะรำพิธี (ด้านหน้ามหาวิทยาลัย)
– นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการเขียงใหม่กล่าวต้อนรับ
– ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิฒมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ประธานในพิธี กล่าวเปิดงาน และลั่นฆ้องชัย
– กล่าวรายงาน โดยนายธีรวัฒน์ ทองนอก ตัวแทนสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
07.30 น. ขบวนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่บัณฑิตวิทยาลัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพออกจากมหาวิทยาลัย
12.คณะศึกษาศาสตร์
13.คณะเภสัชศาสตร์
14.คณะมนุษยศาสตร์
15.คณะสังคมศาสตร์
16.คณะทันตแพทยศาสตร์
17.วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี
18.คณะเศรษฐศาสตร์
19.คณะนิติศาสตร์
20.คณะการสื่อสารมวลชน
21.คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
22.คณะวิจิตรศิลป์
ขบวนงานประเพณีลูกช้างขึ้นดอย ผู้แทนนักศึกษาจากคณะต่างๆ ร่วมกันอัญเชิญเครื่องสักการะพระธาตุ และต่อด้วยขบวนของนักศึกษาแต่ละคณะ ซึ่งพร้อมใจสวมชุดพื้นเมืองอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวเชียงใหม่ เพื่ออนุรักษ์ประเพณีอันงดงามของวัฒนธรรมล้านนา
พร้อมกันนี้ รับน้องขึ้นดอย 2566 ยังได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ในด้านการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นมหาวิยาลัยที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral University) ภายใต้แคมเปญ “My Waste, My Responsibility ขยะใครสร้าง คนนั้นรับผิดชอบ” โดยได้กำหนดจุดพักกินข้าว อย่างเป็นกิจลักษณะ และจุดทิ้งขยะระหว่างทาง ถึง 11 จุด เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถปฏิบัติตนตามวิธีการที่ถูกต้อง
ในกิจกรรมขึ้นดอยปีนี้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีความตั้งใจอย่างยิ่งในการเลือกสรรและขอความร่วมมือผู้สนับสนุนของแจกที่เป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถส่งคืนเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้หลังจากจบกิจกรรม ได้แก่ กระป๋องอลูมิเนียม ขวดแก้ว และขวดพลาสติก นอกจากนี้ยังรณรงค์ให้เลือกใช้กล่องบรรจุภัณฑ์อาหารจากวัสดุธรรมชาติเช่น กล่องชานอ้อยแทนกล่องกลาสติก ขยะที่ถูกแยกประเภทเหล่านั้นจะถูกจัดการตามกระบวนการต่ออย่างถูกต้อง
โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วยลดขยะไปฝังกลบสาเหตุหนึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขยะเศษอาหารที่คัดแยกแล้วจะถูกส่งไปผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ เพื่อนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และก๊าซไบโอมีเทนเพื่อใช้กับยานพาหนะ ตลอดจนกิจกรรมนี้เน้นย้ำให้เป็นการรับน้องอย่างสร้างสรรค์ จะไม่มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และขอความร่วมมือไปยังรุ่นพี่ศิษย์เก่าไม่นำเครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาในกิจกรรมสำคัญของมหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวจะมีนักศึกษาและผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก จึงขอความกรุณาผู้สัญจรโปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปยังวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ ตั้งแต่เวลา 03.00-18.00 น. และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ด้วย
ประเพณีรับน้องขึ้นดอยยังคงเป็นหนึ่งในกิจกรรมรับน้องที่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่หลาย ๆ คนได้ประทับตราไว้ในดวงใจว่าครั้งหนึ่งได้แสดงสปิริตของความเป็นลูกช้างได้อย่างเต็มภาคภูมิ ทำให้พบมิตรภาพระหว่างทางที่พัฒนาไปเป็นเพื่อน พี่ น้อง ได้เรียนรู้ต่อคำว่าหน้าที่ ความรับผิดชอบ และต่อสู้กับความยากลำบากได้อย่างงดงาม