เป็นหนึ่ง บุกช่วยเด็กขวบเศษ เจ้าหนี้เอามาเลี้ยง ข่มขู่แม่เด็ก ปะทะคารมเดือด โดนขู่เอาไปให้ประเทศเพื่อนบ้านเลี้ยง ไม่ยอมให้แม่ติดต่อ หากไม่ใช้หนี้
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 16 พ.ย.2566 น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ จากมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อม ว่าที่ ร.ต.ศิรพงศ์ โภคินวงศ์หิรัญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา น.ส.ศิริพร (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปีและ น.ส.มัณฑิตา (สงวนนามสกุล) 20 ปี น้องสาวและลูกสาวของ น.ส ปุณญานุช (สงวนนามสกุล) หรือ เปิ้ล อายุ 38 ปี เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง ใน ต.คลองขุด อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยเหลือนำตัว ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 1 ปี 10 เดือน สัญชาติไทย ลูกสาวของ น.ส.เปิ้ล ออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว โดยประสาน ร.ต.อ.นิสิต ศรีโคตร รอง สวป.สภ.บ้านโพธิ์ นายก.อบต.คลองขุด และกำนันตำบลคลองขุด เข้าไปยังบ้านหลังดังกล่าว
น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ จากมูลนิธิเป็นหนึ่ง
เมื่อเดินทางไปถึงพบ น.ส.วิลาสินี (สงวนนามสกุล) หรือ ป้านก เจ้าของบ้านไม่ยอมให้เข้าไปในบ้าน โดยปฏิเสธว่าเด็กหญิงไม่ได้อยู่บ้านที่หลังนี้ พร้อมสอบถามด้วยอารมณ์โมโหว่าใครเป็นคนแจ้ง ทำให้ต้นอ้อ จากมูลนิธิเป็นหนึ่ง แสดงว่าแม่ของเด็ก คือ น.ส.เปิ้ล ได้ประสานจากเพจมาให้เข้ามาช่วยเหลือ สร้างความไม่พอใจให้กับป้านก จนเกิดปะทะคารม ก่อนที่ ป้านก จะยื่นโทรศัพท์ให้ ต้นอ้อ คุยกับ น.ส.สุธีรา (สงวนนามสกุล) หรือ เพชร ลูกสาวของป้านก จนเกิดปะทะคารมกันอีกครั้ง
ซึ่งทางฝั่ง เพชร ชี้แจงว่ามีหนังสือสัญญาในการเลี้ยงเด็กหญิง และแม่ของเด็กติดหนี้ ป้านกแม่ของตนเองอยู่ แต่ทางต้นอ้อ ได้ปะทะคารมกลับไปว่า เรื่องหนี้สินให้ทั้งสองระหว่างน.ส.เปิ้ล และป้านก มาคุยตกลงใช้หนี้กัน ซึ่งตนมีหลักฐานแชท ที่ป้านกข่มขู่ ว่าจะเอาเด็กหญิงไปให้กัมพูชาเลี้ยง และไม่ยอมให้ น.ส.เปิ้ล ผู้เป็นแม่ได้ติดต่อ หากยังไม่โอนเงินมาใช้หนี้ ตนเองและเจ้าหน้าที่ที่มา ต้องการนำเด็กออกมา ไม่ต้องการให้เด็กเป็นเครื่องมือในการต่อรอง
ซึ่ง น.ส.เพชร บอกว่า เด็กหญิงไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ อยู่กับน้องสาวตนเองอีกคน และตนกำลังเข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าว เมื่อน.ส.เพชร เดินทางมาถึง เกิดปะทะคารมกันอีกครั้ง โดยบอกว่าตนเองเลี้ยงเด็กหญิงคนดังกล่าวดี ไม่ได้กักขัง ส่วนป้าเดินออกมาตะโกนถามว่า ถ้าเอาเด็กไป ก็ให้ น.ส.เอาเงินมาคืนตน ซึ่งทั้ง 2 เถียงกันอยู่นานกว่า 20 นาที ก่อนป้านกและน.ส.เพชร จะเดินเข้าบ้านไป
เจรจาให้เจ้าหนี้นำเด็กออกมา
ทำให้ทางมูลนิธิเป็นหนึ่ง ปรึกษากับทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้ น.ส.ศิริพร น้องสาวของ น.ส.เปิ้ล แม่ของเด็ก ว่าป้านกกักขังหน่วงเหนียว จนกำนันต้องเดินไปเจรากับป้านกที่บริเวณหน้าบ้านอีกครั้ง จนป้านก ยอมคืนเด็กหญิงให้กับเจ้าหน้าที่ นำตัวออกมาได้สำเร็จ ซึ่งเด็กหญิงยังอยู่ในอาการตกใจ
Advertisement
เจ้าหน้าที่จึงวิดีโอคอลหา น.ส.เปิ้ล แม่ของเด็ก ทำให้เด็กหญิงสงบสติอารมณ์ลง ก่อนพาเด็กออกมา ไปยังสถานีตำรวจภูธรบ้านโพธิ์ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนมอบ ให้ น.ส.ศิริพร น้าสาว นำไปเลี้ยงดูที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อรอแม่ของเด็กเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
น.ส.ชลิดา เปิดเผยว่า เคสนี้ ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.เปิ้ล แม่ของเด็กให้เข้ามาช่วยเหลือ โดยก่อนหน้านี้ น.ส.เปิ้ล ได้รู้จักกับป้านกและให้ป้านก ไปกู้เงินนอกระบบจำนวน 100,000 บาท ซึ่งป้านกก็เอาเงินที่กู้มา มาปล่อย น.ส.เปิ้ลต่อ รวมต้นและดอกเบี้ยแล้ว น.ส.เปิ้ล จะต้องจ่ายป้านก จำนวน 300,000 บาท เมื่อยอดเงินเยอะขึ้น ทำให้ป้านกเริ่มกดดัน น.ส.เปิ้ล จน น.ส.เปิ้ล ยอมไปทำงานที่ประเทศแอฟริกาใต้
โดย น.ส.เปิ้ล ต้องไปกู้เงินเจ้าหน้าหนี้มาอีก 2 แสนบาท เพื่อเดินทางไปทำงาน ระหว่างที่กำลังจะเดินทางไปทำงาน ป้านกนำเอกสารการเลี้ยงดูบุตรมาให้ น.ส.เปิ้ล เซ็น โดยต้องเสียค่าเลี้ยงดูบุตรสาวเป็นรายเดือน เดือนละ 12,000 บาท และเมื่อลูกสาวอายุเลย 2 ขวบแล้วต้องเสียค่าเลี้ยงดูเดือนละ 13,000 บาท ส่วน 3 ขวบ ก็เสียค่าเลี้ยงดูเดือนละ 14,000 บาท โดยไม่เกี่ยวกับเงินหนี้สิน 300,000 บาทรวมดอกเบี้ยที่ น.ส.เปิ้ล ได้กู้ไป
มูลนิธิเป็นหนึ่ง ลงบันทึกประจำวัน
ซึ่ง น.ส.เปิ้ล ไปทำงานตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา ได้เงินมาก็ต้องคืน เจ้าหนี้ที่ยืมไปจำนวน 2 แสนบาทก่อน จึงไม่มีเงินส่งมาให้ป้านก ทำให้ป้านกข่มขู่ บอกว่าจะนำลูกสาวของ น.ส.เปิ้ล ไปให้ชาวกัมพูชาเลี้ยง เมื่อ น.ส.เปิ้ล โทรศัพท์วิดีคอลมาหา ก็ถูกตัดสายทิ้ง ไม่ยอมให้พบเจอลูกสาว หากไม่โอนเงินค่าเลี้ยงดู และเงินที่ติดหนี้ตามที่ตกลงกันไว้มาให้
ซึ่งทั้งหมดมีหลักฐานเป็นข้อความแชทระหว่างป้านก กับ น.ส.เปิ้ล แม่ของเด็ก ทางมูลนิธิจึงเดินทางเข้ามาช่วยเหลือเด็กหญิงในวันนี้ เพื่อไม่ให้เด็กถูกเป็นเครื่องมือต่อเรื่อง ส่วนเรื่องหนี้สินก็ให้ น.ส.เปิ้ล และ ป้านก มาพูดคุยเจรจาหาทางออกกันใหม่
