พ่อแม่คาใจ ลูกสาว วัย 23 ปี ดับปริศนาที่มาเลเซียร้อง”ปวีณา”ช่วยติดตามหาความจริง หาสาเหตุการตาย และติดตามผู้กระทำมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ม.ค.2567 ที่ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี รังสิตนครนายก คลองเจ็ด ต.ลำลักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายณรงค์ชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี และ นางนพรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ชาว อ.ปักธงชัย จ.นครรสีมา พ่อแม่
อุ้มรูปถ่ายลูกสาว น.ส.นภาพรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ที่เสียชีวิตปริศนาที่ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ม.ค.67 ที่ผ่านมา เดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา เพื่อเข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ
นายณรงค์ชัย และนางนพรัตน์ เล่าว่า ลูกสาวชื่อ น.ส.นภาพรรณ ลูกสาวเพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรี ถูก น.ส.ส้ม (นามสมมุติ) เพื่อนรักสมัยเรียนชั้นประถมฯ ซึ่งมีสามีเป็นชาวมาเลเซีย และไปทำกิจการร้านอาหารอยู่ที่นั่น ชวนลูกสาวไปเที่ยวมาเลเซีย
ด้วยความรักเพื่อนลูก จึงเดินทางไปแต่ไม่ได้บอกพ่อแม่ทราบ แต่จู่ ๆ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.67 น.ส.ส้ม เพื่อนลูกสาวโทรมาบอกว่า ลูกสาวแม่พลัดตกจากตึกชั้น 13 ลงมาติดค้างอยู่ที่กันสาดชั้น 10 เสียชีวิต ซึ่งแม่ช็อกใจสลายเมื่อรู้ข่าว
เพราะที่ผ่านมา ได้นัดกับลูกสาวไว้แล้วว่า ให้กลับบ้านมากินเลี้ยงปีใหม่พร้อมหน้าพร้อมตากันในวันที่ 15 ม.ค. ซึ่งลูกก็รับปาก แต่ไม่ได้บอกแม่ว่าอยู่ที่ไหน แม่ก็เฝ้ารอลูกจะกลับมาบ้าน แต่ลูกก็กลับมาในสภาพที่ไร้วิญญาณ
แม่ เล่าว่า ตลอดเวลาแม่นึกว่าลูกอยู่ที่โคราช ลูกทำงานเป็นเด็กชงเหล้าและเรียนไปด้วย แม่มารู้อีกทีเพื่อนโทรมาบอกลูกตกตึกเสียชีวิตที่ กัวลัมเปอร์ แม่ทำใจไม่ได้ไม่เชื่อว่าลูกจะตกลงเสียชีวิตเอง แม่เคยเตือนลูกมาตลอดเรื่องคบเพื่อนให้ดูให้ดี หลังเกิดเหตุแม่ติดใจสงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของลูก
เพราะที่ผ่านมา ไม่มีสาเหตุอะไรที่จะทำให้ลูกคิดสั้น แม่จึงเชื่อว่าเรื่องนี้อาจจะมีเงื่อนงำก็เป็นได้ แม้ตำรวจมาเลเซียจะระบุสาเหตุการตายตกตึก แต่แม่ไม่ปักใจเชื่อ หลังศพของลูกสาวถูกส่งกลับมา แม่ตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดและครุ่นคิดอยู่ไม่เป็นสุข เพราะลูกคือแก้วตาดวงใจ แม่ไม่เชื่อว่าลูกจะฆ่าตัวตายเอง
จึงเดินทางมาขอทางมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยส่งศพไปชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง และติดตามตัวผู้กระทำมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า ขณะนี้ทางมูลนิธิปวีณาประสานรถจากมูลนิธิเพชรเกษมไปรับศพจากที่บ้านของผู้เสียชีวิตมาชันสูตรอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจสอบว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตอีกครั้ง
