ตำรวจไซเบอร์ จับแก๊งอ้างตำรวจเมืองพิษณุโลก หลอกว่าบัญชีเอี่ยวกับคดีฟอกเงิน ให้โอนเงินแสดงความบริสุทธิ์ ผู้เสียหายหลงเชื่อ สูญเกือบ 9 หมื่น

เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2567 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 จับกุมนายวรพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ซึ่งถูกออกหมายจับโดยศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ จับกุมตัวที่ ถ.เทศบาล 12 ต.สระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว จว.สระแก้ว

สืบเนื่องจากมีมิจฉาชีพโทรศัพท์หาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารชื่อดัง แจ้งว่าผู้เสียหายได้เปิดบัตรเครดิตของธนาคารที่จังหวัดพิษณุโลกไว้ มียอดค้างชำระ 3 เดือน รวมเป็นเงิน 57,777 บาท

ผู้เสียหายได้ปฏิเสธไป คนร้ายจึงได้แจ้งว่าข้อมูลของผู้เสียหายอาจมีคนแอบอ้างไปเปิดบัตรเครดิต ให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่สภ.เมืองพิษณุโลก ผู้เสียหายไม่สะดวก คนร้ายจึงแนะนำให้แจ้งความออนไลน์ โดยให้แอดไลน์สภ.เมืองพิษณุโลก

อ้างเป็นตำรวจ หลอกเหยื่อโอนเงิน แสดงความบริสุทธิ์ สูญเกือบ 9 หมื่น

อ้างเป็นตำรวจ หลอกเหยื่อโอนเงิน แสดงความบริสุทธิ์ สูญเกือบ 9 หมื่น

ต่อมามิจฉาชีพได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าเป็นร้อยเวรเจ้าของคดี ให้ผู้เสียหายเปิดกล้องเพื่อสแกนใบหน้า ตรวจสอบข้อมูล ต่อมาคนร้ายได้ส่งหลักฐานทางไลน์ เพื่อหลอกว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจริง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องอายัดบัญชีธนาคารและทรัพย์สิน

พร้อมกับส่งภาพบุคคลที่อ้างว่าเคยเป็นผู้จัดการธนาคารที่ผู้เสียหายอาจถูกนำข้อมูลไปทำการเปิดบัญชีเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน มิจฉาชีพแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงิน โดยหลอกว่าเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ให้โอนไปทำการตรวจสอบ

ผู้เสียหายเชื่อจึงได้โอนเงินไป ครั้งแรก จำนวน 48,391.65 บาท และครั้งที่สองโอนไป จำนวน 37,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 85,391.65 บาท

อ้างเป็นตำรวจ หลอกเหยื่อโอนเงิน แสดงความบริสุทธิ์ สูญเกือบ 9 หมื่น

อ้างเป็นตำรวจ หลอกเหยื่อโอนเงิน แสดงความบริสุทธิ์ สูญเกือบ 9 หมื่น

หลังจากนั้นแชทไลน์ดังกล่าวก็โดนบล็อกไป และไม่สามารถติดต่อกับบัญชีไลน์ดังกล่าวได้อีก ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอกแล้ว จึงได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกก.3 บก.สอท.3 เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน