ตรัง ป.ป.ช. ลุย! ‘เกาะกระดาน’ ตรวจการจัดเก็บรายได้ อุทยานฯ หาดเจ้าไหม พบยอดเพิ่มวันเดียว 6 หมื่น ต่อเดือนสูงถึง 2 ล้าน แต่มีช่องโหว่ไม่โปร่งใส
5 ก.พ. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วยนายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริต
ลงพื้นที่สังเกตการณ์การจัดเก็บรายได้ของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม บริเวณหน้าถ้ำมรกต แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง และเกาะกระดาน ซึ่งเป็นชายหาดที่ดีที่สุดประจำปี 2566 และในปี 2567 ถึง 2 ปีซ้อน จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ World Beach Guide
พร้อมกันนั้นยังได้เชิญ นายแสงสุรี ซองทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม นายยุทธพงศ์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา จ.กระบี่ ร่วมกันประชุม ชี้แจงความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการบริหารจัดการอุทยานของสำนักงาน ป.ป.ช.
โดยภาพรวมพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ หรือบริษัททัวร์ จากในพื้นที่ จ.กระบี่ จ.ภูเก็ต และ จ.ตรัง รวมทั้งส่วนใหญ่ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม มีการจัดเก็บรายได้ที่ผ่านมา เดือนตุลาคม 2565 เป็นเงิน 282,490 บาท เดือนตุลาคม 2566 เป็นเงิน 486,590 บาท เดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นเงิน 284,490 บาท เดือนพฤศจิกายน 2566 เป็นเงิน 562,820 บาท เดือนธันวาคม 2565 เป็นเงิน 549,395 บาท เดือนธันวาคม 2566 เป็นเงิน 1,783,480 บาท
ล่าสุดเดือนมกราคม 2567 เป็นเงิน 1,959,820 บาท โดยจากมาตรการดังกล่าวปรากฏว่า อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ยังไม่มีการจัดเก็บรายได้แบบ E-Ticket (ticket) หรือรูปแบบออนไลน์ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง จะมีการดำเนินการรายงานให้เลขาธิการฯป.ป.ช. ทราบต่อไป
อีกทั้งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ยังคงพบข้อมูลว่า รีสอร์ทจำนวน 4 แห่ง บนเกาะกระดานที่ไม่ดำเนินการตาม พรบ.โรงแรม ซึ่งผู้อำนวยการ ป.ป.ช. ได้กำชับให้ทางฝ่ายปกครอง โดยมีนายชำนาญ กานต์นภัทร ปลัดอาวุโสอำเภอกันตัง จ.ตรัง ได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อุทยานฯ รายหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าจัดเก็บรายได้อยู่บริเวณชายหาดเกาะกระดาน ให้ข้อมูลว่า การจัดเก็บรายได้ยังคงเป็นการจัดเก็บแบบฉีกตั๋ว เมื่อรับเงินมาแล้วก็จะนำมาตรวจสอบให้ตรงกับตั๋วที่ฉีกไป และนำมาเขียนรายงาน และนำเงินสดที่เก็บได้ส่งให้กับหัวหน้าหน่วยฯ จัดเก็บไว้ในตู้ล็อกเกอร์ เมื่อได้ตามจำนวน ก็จะนำขึ้นเรือ เดินทางขึ้นฝั่งและนำไปฝากหรือโอนเข้าธนาคารต่อไป
นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง กล่าวว่า แรกเริ่มเดิมทีปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการจัดเก็บรายได้ที่สังคมตั้งข้อสงสัย ในลักษณะของความไม่รัดกุม และไม่โปร่งใส ฉะนั้น ป.ป.ช. จึงต้องลงมาดูว่ามีวิธีการจัดเก็บรายได้อย่างไร และก็มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาประชุมร่วมกันเพื่อหาวิธีการที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้
ซึ่งปรากฏว่า ถ้าเปรียบเทียบกับในปีก่อนหน้า และในปีนี้รายได้เพิ่มขึ้นมากขึ้น ก็หมายความว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการจัดเก็บในลักษณะรัดกุมมากขึ้น ส่วนสาเหตุที่มีการจัดเก็บได้เพิ่มมากขึ้น แตกต่างจากปีก่อนนั้น ตนก็ไม่อยากจะไปกล่าวหาใคร แต่ในสิ่งที่เห็นได้ชัด คือการบริหารจัดการที่หละหลวม ไม่ได้มีการจัดเก็บอย่างเคร่งครัด อาจะทำให้รายได้จากตรงนี้สูญเสียไปก่อนหน้า
แต่ที่เป็นปัญหามากที่สุดคือระเบียบของกรมอุทยานฯ เอง ควรที่จะทำอย่างไรให้การทำงาน หรือการจัดเก็บรายได้คล่องตัวมากขึ้น และมีความรอบคอบในการจัดเก็บรายได้ มองว่ายังคงมีปัจจัยเสี่ยง คือระบบการจัดเก็บที่ยังหละหลวม ก็ต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้ได้ เพราะเป็นรายได้เข้าสู่แผ่นดิน
ซึ่งก่อนหน้า ป.ป.ช. มีข้อเสนอแนะ ตามที่มติ ครม.เห็นชอบแล้ว ให้จัดเก็บแบบ E-Ticket ทางกรมอุทยานฯ ก็ได้เปิดนำร่องมาได้แค่ 6 แห่ง แต่ไม่ใช่ที่อุทยานเจ้าไหม แต่ต่อมาก็กลับยกเลิก 6 แห่งนั้นไป ภายหลังจากนี้ทางอุทยานฯ ก็ควรที่จะต้องนำระบบไอที หรือระบบออนไลน์เข้ามาใช้เพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยจากในที่ประชุม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ก็เห็นด้วย
อีกทั้งก็ยังพบว่า มีโรงแรมอยู่ส่วนหนึ่งที่ยังไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย ได้กำชับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเช่น ปลัดอำเภอ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ท้องถิ่น ให้เริ่มต้นดำเนินการในส่วนหน้าที่อำนาจของตนเอง ตรงไหนมีปัญหาก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน
โดยมองว่า การที่ไม่ขออนุญาต หรือไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย คือทำให้ไม่ต้องเสียรายได้ภาษีเข้ารัฐ หรือที่ดินนั้นอาจจะไม่ถูกต้อง หรืออาจจะเป็นที่ดินของรัฐ หรือไม่ อย่างไรก็ต้องตรวจสอบต่อไป ซึ่งทั้งหมดเป็นรีสอร์ทที่อยู่ในพื้นที่ของเกาะกระดานจำนวน 4 ราย ที่ไม่ได้ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
