มุมมองนักกฎหมาย ร้องแก้ไขระบบ ทะเบียนบ้านกลาง ไม่ให้คนไทยโดนตัดสิทธิ ยกเคส ชายพิการ โยกสามล้อเข้ากรุง หลังโดนตัดเบี้ยคนพิการ
กรณี นายมลฑล อายุ 48 ปี ชายพิการ ที่โดนตัดสิทธิเบี้ยคนพิการ โยกรถสามล้อคนพิการจากสุโขทัย เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกร้องให้คืนสิทธิเบี้ยคนพิการที่กรมบัญชีกลาง
โดย นายมลฑล เป็นผู้พิการที่ได้รับสิทธิเบี้ยความพิการ ตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ย.2563 และถูกระงับการรับเบี้ยความพิการตั้งแต่เดือนต.ค.2563 เนื่องจากผลการตรวจสอบข้อมูลจากกรมการปกครอง พบว่า นายมลฑล มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลาง ซึ่งไม่สามารถทำนิติกรรมใด ๆ ได้
วันที่ 20 ก.พ.2567 นายสุรพงษ์ กองจันทึก อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ เรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทย แก้ไขระบบทะเบียนบ้านกลาง ให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิฐานะคนไทยได้โดยไม่ถูกตัดสิทธิ เพื่อไม่ให้มีปัญหาดังกรณีคนพิการถูกตัดสิทธิเบี้ยคนพิการ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คนทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย จะได้รับเอกสารรับรองว่าเป็นบุคคลตามกฎหมายคือบัตรประจำตัว และมีทะเบียนบ้านเพื่อยืนยันบ้านที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้ทราบตัวตนและภูมิลำเนาที่อยู่อาศัย
แต่มีบางคนที่ไม่ได้อาศัยอยู่จริงในบ้าน ด้วยสาเหตุต่างกัน เช่น ไม่ได้อาศัยอยู่จริงในบ้านหลังนั้นแล้ว และไม่ทราบที่อยู่ใหม่ สำนักทะเบียนจะนำรายการของบุคคลนั้นไปไว้ที่ ทะเบียนบ้านกลาง
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ทะเบียนบ้านกลางไม่ถือว่าทะเบียนบ้าน ทำให้ถูกมองว่าไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในบ้านในพื้นที่ของสำนักทะเบียน ผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลางจึงมีข้อจำกัดในการใช้สิทธิต่าง ๆ ที่ควรมีได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น การทำบัตรประจำตัวประชาชน การยื่นคำร้องขอคัดสำเนาและให้นายทะเบียนรับรองสำเนารายการเพื่อไปอ้างอิงหรือใช้สิทธิต่าง ๆ ไปจนถึงสิทธิในการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานสำคัญของคนไทยทุกคน
ปัจจุบันมีคนไทยที่มีชื่อและรายการในทะเบียนบ้านกลางถึง 210,239 คน คนเหล่านี้ถูกจำกัดสิทธิไม่สามารถใช้สิทธิได้ในหลายด้าน หากต้องการใช้สิทธิก็ต้องพิสูจน์และย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านกลางไปอยู่ทะเบียนบ้านปกติที่อาศัยอยู่จริง
คนเหล่านี้จำนวนมากไม่สามารถมีทะเบียนบ้านจริงๆให้ย้ายเข้าไปอยู่ได้ เช่น เป็นคนเร่ร่อน คนไร้บ้าน หรือบางคนมีบ้านแต่ไม่ได้รับการรับรองมีทะเบียนบ้านให้ เนื่องจากสภาพไม่ถือว่าเป็นบ้าน หรืออยู่ในพื้นที่ผิดกฎหมาย
นายสุรพงษ์กล่าวว่าแม้จะมีการออกทะเบียนบ้านชั่วคราว เป็นทะเบียนประจำบ้านที่ออกให้กับบ้านที่ปลูกสร้างในที่สาธารณะ หรือโดยบุกรุก ป่าสงวน โดยทะเบียนบ้านชั่วคราวเป็นเอกสารราชการใช้ได้เหมือนทะเบียนบ้าน และผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านชั่วคราวคงมีสิทธิและ หน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
เมื่อมีคำว่าชั่วคราว ก็ทำให้หลายหน่วยงานไม่ยอมรับและไม่ให้สิทธิเท่าทะเบียนบ้านปกติ เช่น การขอใช้ไฟฟ้า ทางเจ้าหน้าที่จะเก็บในอัตราเดียวกับบ้านชั่วคราวที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งมีอัตราสูงกว่าบ้านอยู่อาศัยปกติ
นายสุรพงษ์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 27 บัญญัติว่าชัดเจนว่า บุคคลทุกคนย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ทั้งห้ามการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
ดังนั้นการกำหนดให้มีทะเบียนบ้านกลางและทะเบียนบ้านชั่วคราว ซึ่งไปจำกัดการได้สิทธิหรือใช้สิทธิของประชาชน ทำให้คนไทยไม่สามารถมีสิทธิอย่างเท่าเทียมกับผู้อยู่ในทะเบียนบ้านปกติ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ
กระทรวงมหาดไทยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร จำเป็นต้องปรับแก้ไขกฎหมายและวิธีปฏิบัติให้ผู้ที่อยู่ในระบบทะเบียนทุกชนิด ต้องเข้าถึงสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
นายสุรพง ษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกทั้งในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 วรรคสอง ได้บอกว่า ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนผู้กระทำความผิดมิได้
ดังนั้นการที่นายมณฑลคนพิการ ที่ถูกเพียงหมายจับ ซึ่งต้องได้รับการปฏิบัติอย่างผู้บริสุทธิ์ แต่ถูกสำนักทะเบียนไปย้ายจากทะเบียนบ้านปกติไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง ทำให้นายมณฑลเสียสิทธิทั้งการต่อบัตรประจำตัวประชาชน บัตรคนพิการ และเบี้ยยังชีพคนพิการ
นายสุรพงษ์เรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักทะเบียนจึงต้องเลิกการย้ายทะเบียนไปสู่ทะเบียนกลาง เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และแก้ไขระบบทะเบียนราษฎรให้ไม่ตัดสิทธิหรือกระทบสิทธิต่างๆของคนไทย ไม่ว่าคนนั้นจะอยู่ที่ใด
ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต้องร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ในการใช้บัตรประจำตัวประชาชนเพียงบัตรเดียว ในการแสดงสิทธิของประชาชนและสิทธิความเป็นคนพิการ ดังที่ได้ทำมาแล้วในสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ใช้เพียงบัตรประชาชนก็สามารถเช็คและเข้าถึงสิทธินี้ได้