ป้าปาดน้ำตาซ้ำ คนรับจำนองตึกให้ย้ายออกใน 1 เดือน จนท.นัดไกล่เกลี่ยเจ้าหนี้นอกระบบ 4 มี.ค. พร้อมประกาศขายตึกที่อยู่ นำเงินไปใช้หนี้จำนอง

จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ริมถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตรงข้ามวัดท่าบางสีทอง ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เรื่องบัตรเงินกู้ที่มีแก๊งคนขับ จยย.มาโปรยตามหน้าบ้านชาวบ้าน จนได้รับความเดือดร้อนรำคาญเป็นอย่างมาก และยังพบกับนางรัตติยา อายุ 66 ปี แม่ค้าขายข้าวขาหมู ซึ่งได้รับความทุกข์จากการไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่าย ตั้งแต่เดือนเม.ย.66 จำนวน 10,000 บาท ส่งดอกลอยวันละ 200 บาท จนส่งไม่ไหว จึงคุยกับเจ้าหนี้ขอลดดอกลงเหลือวันละ 100 บาท ส่งมาจนทุกวันนี้ได้ไปลงทะเบียนกับทางอำเภอบางกรวยแล้ว ตั้งแต่เริ่มเปิดลงทะเบียนไกล่เกลี่ย จนตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากอำเภอ หรือหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังพบว่านางรัตติยายังได้ประกาศขายบ้านเพื่อนำมาใช้หนี้นอกระบบอีกด้วย

วันที่ 3 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวติดตามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวกับนางรัตติยา อายุ 66 ปี แม่ค้าขายข้าวขาหมูอีกครั้ง โดยนางรัตติยา เปิดเผยว่า หลังมีข่าวออกไป ทาง พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผกก.สภ.บางกรวย ส่งตำรวจลงมาประสานขอข้อมูล เพื่อเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าหนี้ที่ปล่อยเงินกู้เงินแล้ว และในจันทร์ที่ 4 มี.ค. เวลา 13.00 น. จะเข้าพบปลัดอำเภอบางกรวย เพื่อนำเรื่องเข้าสู่ขบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยและให้ความช่วนเหลือ

นางรัตติยา เผยอีกว่า ตั้งแต่เช้าเป็นต้นมา ยังไม่มีเจ้าหนี้วิ่งเข้ามาเก็บดอกเบี้ยจากตนเหมือนเช่นเคย และปลัดอำเภอสั่งกำชับไม่ให้ตนจ่ายดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบอีกต่อไป เพราะเห็นว่าได้ส่วดอกเบี้ยมาเกินกว่าเงินต้นที่กู้ยืมมา 1 หมื่นบาทหลายเท่าตัวแล้ว หากมีคนมาทวงเก็บดอกเบี้ยอีก ให้โทรแจ้งฝ่ายปกครองได้ทันที

นางรัตริยา เปิดเผยถึงเรื่องทุกข์ใจอีกว่า เรื่องที่ตนประกาศขายตึกแถว 3 ชั้นนั้น เป็นเพราะเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว น.ส.รัตนาภรณ์ อายุ 72 ปี พี่สาวของตนป่วยเป็นโรคไต ส่วนตนตรวจเจอมะเร็งที่เยื่อบุโพรงมดลูก จำเป็นต้องผ่าตัดออก จึงเข้ารักษาตัวที่รพ.ศิริราช ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีสิทธิรักษาจากบัตร 30 บาท จึงต้องนำบ้านไปจำนองกับเอกชนรายหนึ่ง เพื่อนำเงินมารักษาตนเองและพี่สาวด้วย ส่วนที่เหลือก็เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน

โดยตนนำตึกแถวหลังนี้ไปจำนองไว้ในราคา 3 ล้านบาท จากนั้นพยายามส่งดอกเบี้ยเรื่อยมา แต่ต่อมาเมื่อปลายปีที่แล้ว สามีตนล้มป่วยเป็นโรคหัวใจจากสภาวะสโตรก ทำให้ร่างกายใช้งานได้แค่ 70 % ต้องทำการรักษาตัวเพิ่มอีกหนึ่งคน จึงทำให้ทั้งบ้านมีรายได้จากการที่ตนขายอาหารเพียงคนเดียว ซึ่งมีกำไรวันละประมาณ 300-500 บาท ที่นำมาเป็นค่าใช้ในบ้านและส่งดอกเงินกู้นอกระบบรายวัน

จนกระทั่งต่อมาทางฝ่ายเจ้าหนี้ที่รับจำนองตึกแถวได้ให้ทางทนายความ ทำเรื่องแจ้งย้ายให้ตนออกจากตึกแถวที่พักปัจจุบันออกไป โดยให้เวลาย้ายออกเพียง 1 เดือน หลังจากที่ตนไม่ได้ส่งดอกจำนองตึกแถวมานานเป็นปีแล้ว เพราะมีรายได้ไม่เพียงพอ ตนก็ได้แต่ขอความเมตตาไปว่า จะขออยู่ที่นี้ไปก่อน จนกว่าจะหาทางขายตึกแถวหลังนี้ไปใช้หนี้ให้เขาได้ ซึ่งตนลงประกาศขายในราคา 5.5 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่จำนองตึกแถวไว้ รวมทั้งต้นทั้งดอกเป็นเงิน 4 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือจากการใช้หนี้ ตนจะนำไปขยับหาที่อยู่ใหม่กับครอบครัว

นางรัตติยา กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้อยากขายบ้านขายตึกหลังนี้ เพราะตั้งใจทิ้งไว้ให้เป็นมรดกของลูก แต่เพราะปัจจุบันตนส่งดอกเบี้ยไม่ไหวแล้ว ทั้งดอกเบี้ยจำนองบ้านและดอกเบี้ยเงินกู้รายวัน ซึ่งตนคิดว่าถ้าขายตึกแถวหลังนี้ไปได้ ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระจากดอกเบี้ยให้ลดลง ก็ได้แต่หวังว่าถ้ามีคนใจบุญมาช่วยซื้อคึกหลังนี้ไว้ เพื่อให้ตนมีเงินไปใช้หนี้แล้ว จะให้ตนเช่าอยู่ต่อเพื่อขายขายของที่นี่ต่อไป ก็จะได้บุญเพราะได้ช่วยหลายชีวิตไว้ ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวของตนออกข่าวไปก็มีคนแห่มาช่วยอุดหนุนซื้อข้าวขาหมู จนขายหมดตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้ว

ด้านน.ส.รัตนาภรณ์ พี่สาวที่ป่วยเป็นโรคไต กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้สื่อข่าวที่เข้ามาช่วยเหลือ ส่วนตัวรู้สึกสงสารน้องสาวคนนี้ที่ต้องทำงานหารายได้อยู่เพียงคนเดียว เพราะล้มป่วยมาตั้งแต่ปี 56 ด้วยโรคไต ใช้เงินในการรักษาเยอะ การที่น้องสาวประกาศขายตึกที่อยู่อาศัยนี้ ก็เข้าใจและสงสารน้องสาวยังไม่รู้อนาคตว่าจะต้องย้ายกันไปอยู่ที่ไหนเมื่อไร หากทางเจ้าหนี้สั่งให้ย้ายออก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน