เหยื่อร้อง ทนายอั๋น ถูก ทนายเก๊ หลอกกว่า 2 แสน ทะแม่งๆ ตอนทนายไปเยี่ยมบ้าน เห็นใส่กำไล EM แต่บอกว่าเป็นนาฬิกาข้อเท้า ทนายอั๋นเผย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นทนายความ

เมื่อวันที่ 18 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้าน ต.คอนกาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ จำนวน 3 คน เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อพบกับ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ที่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ เพื่อต้องการขอความช่วยเหลือ หลังจากถูกบุคคลที่อ้างว่าเป็นทนายความ หลอกเอาเงินไปกว่า 200,000 บาท

นางหนูสมาน อายุ 68 ปี ชาว อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนเองมีคดีความเรื่องที่ดินมรดกกับภรรยาน้อยของพ่อ คือแย่งเอาที่ดินจำนวน 3 ไร่ แต่รู้สึกว่าตนจะเสียเปรียบ ตอนนั้นอยู่ที่ศาล ก้มกราบศาลขอความยุติธรรม ตอนนั้นเจ้าหน้าที่และผู้พิพากษาให้ลุกขึ้น

หลังจากนั้นมีชายคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ในห้องด้วยกัน อายุประมาณ 40 ปี เข้ามาประคอง พร้อมกับบอกว่า “ผมจะช่วยเหลือเอง” จนกระทั่งรู้จักกัน แล้วตามมาหาที่บ้านโดยทนายคนดังกล่าวแนะนำตัวบอกว่า “ผมชื่อทนายแป๊ะ” พร้อมมอบนามบัตรให้ จากนั้นทนายแป๊ะ ขอเงินค่าดำเนินการครั้งแรก 60,000 บาท ตนก็ให้ไป เพราะอยากชนะคดี หลังจากนั้นเรียกเงินครั้งละ 20,000-40,000 บาท รวมทั้งหมดเป็น 200,000 บาท

“หลังจากเสียเงินไปครบแล้ว ทนายมาเยี่ยมที่บ้านใส่กางเกงขาสั้นมาหา ตนสังเกตเห็นข้อกำไลอยู่ที่ข้อเท้า จึงถามทนายว่า “ทนายใส่กำไลอะไร” ทนายบอกว่า “อ๋อนาฬิกาข้อเท้า” มาถึงตอนนี้ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจหลังจากเอานามบัตรมาดู พบว่าเป็นนามบัตรรับเช่าพระเครื่อง ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นทะแนะ ไม่ใช่เป็นทนายตามที่กล่าวอ้าง แต่ทำอย่างไรได้ เพราะเสียเงินไปแล้ว จึงมาร้องทนายอั๋นที่บุรีรัมย์ เพื่อให้ช่วยเหลือ” นางหนูสมาน กล่าว








Advertisement

เช่นเดียวกับ พระสริตร์ จันทะชัย อายุ 61 ปี พระลูกวัดบ้านโนนแดง ต.คอนกาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ เล่าว่า รู้จักทนายแป๊ะ เพราะน้องสาวคือนางหนูสมาน มาเอาเงินที่ฝากไว้เพื่อเอาไปให้ทนายแป๊ะจึงปรึกษาทนายแป๊ะ เรื่องอยากให้ทนายช่วยเรื่องหลักฐานที่ดินของสำนักสงฆ์ ให้มีเลขที่ เพราะจะได้ยกฐานะเป็นวัด ทนายแป๊ะเรียก 35,000 บาท จึงมัดจำไป 10,000 บาท พร้อมกับหลักฐานสมุดคู่มือรถเก๋งฝากทนายแป๊ะไปต่อทะเบียน ฝากเงินไปอีก 3,000 บาท หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้เลย

สุดท้ายยังพบว่ามีนายอาน อายุ 69 ปี ชาว ต.คอนกาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ก็ถูกทนายแป๊ะหลอกเช่นกัน โดยให้ทนายช่วยเหลือเปลี่ยนหลักฐานที่ดินจาก น.ส.3 ก มาเป็นโฉนด ทนายเรียกเงิน 10,000 แล้วเงียบหายไปเช่นเดียวกัน

ด้านนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้น คนที่เป็นทนายความนิสัยไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ไม่ได้ให้เซ็นแต่งตั้งให้เป็นทนายความ ไม่เคยใส่ชุดทนายความ โดยวิสัยทั้งหมดทนายไม่ทำแบบนั้น

พฤติกรรมดังกล่าวส่วนตัวคิดว่าชั่วมาก สาเหตุมาจากช่วงหลังกระบวนการยุติธรรม มันมีปัญหาประชาชนผู้ยากไร้เข้าถึงประบวนการยุติธรรมไม่ได้ แต่คนๆนี้กลับไปหากินกับคนยากจน ผู้ยากไร้ หาช่องว่างตรงนี้ไปหากิน

นายภัทรพงศ์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นจะตรวจสอบ หากพบว่าเป็นทนายความจริง ก็จะไปร้องต่อสภาทนายความ แต่หากไม่เป็นทนายจะดำเนินการทางด้านคดี คือฉ้อโกง แอบอ้างว่าตนเป็นทนายความสามารถทำคดีได้ ทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิดหลงเชื่อว่าเป็นทนายความ แล้วสูญเสียเงินไป

ส่วนที่สอง คือการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศาล ถึงแม้จะไม่ได้พูดตรงๆ ก็ตาม แต่พฤติกรรมทำเหมือนรู้ว่าตนเองเป็นคนในสามารถวิ่งเต้นคดีได้ โดยจะพาผู้เสียหายไปร้องต่อศาลที่เป็นคดีว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดศาลหรือไม่

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน