แม่เล่านาทีรู้ข่าวร้าย ลูกตัวประกันเสียชีวิตที่อิสราเอล ทรุด-ร่ำไห้กลางทุ่งนา ลูก 8 ขวบยังไม่รู้

วันที่ 17 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 67/3 หมู่ 3 ต.บ้านพร้าว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นบ้านของ นายสนธยา หรือมอส อัครศรี อายุ 30 ปี แรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกัน เมื่อวันที่ 7 ต.ค.66 และครอบครัวเพิ่งได้รับแจ้งว่า นายสนธยา เสียชีวิตแล้วในฉนวนกาซ่า

นางอมร อัครศรี อายุ 50 ปี แม่ของ นายสนธยา กล่าวว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 15.10 น. ขณะกำลังเลี้ยงควายอยู่กับ นายนิพนธ์ อัครศรี อายุ 52 ปี สามีและพ่อของ นายสนธยา ก็ได้รับโทรศัพท์ แรกๆ ตนรู้สึกดีใจ เมื่อเห็นโทรศัพท์มีเครื่องหมายบวกและเลขจำนวนมากๆ คิดว่าโทรมาจากอิสราเอลแจ้งข่าวดีว่า เจอลูกชายแล้ว แต่พริบตาที่เจ้าหน้าที่กงสุลโทรมาคำแรกบอกว่า ขอแสดงความเสียใจด้วย ตนถึงกับเข่าอ่อนนั่งลงบนพื้น พูดอะไรไม่ออก

ทราบแต่ว่าพบศพและยืนยันแล้วว่าเป็นศพลูกชาย ตนจึงกวักมือเรียกสามีมาเล่าให้ฟัง ซึ่งสามีก็ร่ำไห้บอกซ้ำๆ กันว่าเหมือนส่งลูกไปตาย หวังว่าจะไปทำงาน กลับมาอยู่กับครอบครัวกลายเป็นศพ ทำไมถึงฆ่าลูกของตน ทำไมไม่เอาชีวิตตนไปแทน

นางอมร กล่าวต่อว่า เมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้นอนทั้งคืน ตั้งแต่เย็นวานจนถึงเวลานี้ ยังกินข้าวไม่ได้เลยทั้ง 2 คนผัวเมีย ได้แต่โทรไปเล่าให้ลูกชายอีกคนที่ทำงานอยู่ที่ไต้หวันฟัง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนบ้านฟัง คิดว่าเมื่อศพมาถึงจึงจะเล่า แต่ปรากฏว่าในส่วนของทางราชการได้แถลงข่าวเพื่อนบ้านคนอื่นจึงรับรู้ไปหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ตั้งแต่ลูกชายถูกจับ เคยฝันถึงบ้างไหม นางอมร กล่าวว่า ไม่เคยฝัน แต่สามีเล่าว่าเคยฝันเห็นครั้งหนึ่ง ลูกชายแต่งชุดขาวมาที่บ้าน แล้วบอกว่ากลับมาเยี่ยมบ้านเฉยๆ เดี๋ยวจะกลับไปอีก ซึ่งในฝันคนเป็นพ่อก็ห้ามบอกว่าจะไปทำไมอีก ลูกชายก็บอกว่าจะกลับไปเยี่ยมเพื่อนเพราะมีเพื่อนอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ออกมา

เมื่อตื่นขึ้นมาเล่าให้ตนฟัง ตนก็เลยบอกว่า คงคิดถึงลูกชายมากเกินไปจึงฝัน เพราะตนยังเชื่อว่าลูกชายยังปลอดภัย เนื่องจากได้ไปบนบานศาลกล่าวและหมอดูหลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายยังปลอดภัยจะได้กลับมาแน่นอน แม้ผ่านมาถึง 7 เดือนตนก็ยังเชื่อว่าลูกชายจะได้กลับมา ไม่นึกว่าจะได้รับข่าวร้ายเมื่อวานนี้

นางอมร กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงก่อนสงกรานต์ ประมาณวันที่ 9 หรือ 10 เม.ย. มีทหารเดินทางมาที่บ้านและขอภาพถ่าย แต่เนื่องจากลูกชายไม่เคยถ่ายภาพไว้ในบ้านเลย มีแต่ภาพถ่ายในโทรศัพท์ จึงได้แต่มอบภาพที่อยู่ในโทรศัพท์ให้ไป และคิดว่าทางอิสราเอลมาขอไปเพื่อจะไปประกอบเผื่อพบคนไทยที่เสียสติ บอกรายละเอียดส่วนตัวไม่ได้ จะได้เปรียบเทียบกับภาพถ่ายของตน

เมื่อผู้ที่สื่อข่าวแจ้งว่า คาดว่าทางอิสราเอลจะพบร่างผู้ตายตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน จึงต้องการภาพถ่ายไปตรวจสอบอัตลักษณ์กับกะโหลกศีรษะ นางอมรก็บอกว่า ตนไม่เอะใจเลย

ขณะที่ นางกองมี แสนคำ อายุ 72 ปี ยายของนายสนธยา และเคยเลี้ยงดูเมื่อสมัยเด็กๆ เพราะพ่อแม่ของ นายสนธยา ไปทำงานที่ กทม. ปล่อยลูกชาย 2 คน ให้อยู่กับนางกองมี เลี้ยงมาจนโต นางกองมี เล่าว่า ตนรู้ข่าวเมื่อลูกสาวกลับมาที่บ้านตอนเย็น เล่าให้ฟังถึงกับเข่าอ่อน เดินไม่ไหว ปกติทุกวัน จะนำอาหารไปถวายพระที่วัด แต่วันนี้เดินไม่ได้เลย

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า นางอมร ยังนำภาพถ่ายในโทรศัพท์ที่มอบให้ทหารไปมาให้ผู้สื่อข่าวด้วย ทั้งยังเปิดเผยอีกว่า ลูกชายเคยแต่งงานมีครอบครัว ตอนอายุ 20 กว่าๆ และมีลูกสาว 1 คน ภายหลังได้เลิกรากับภรรยา ก่อนจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ประมาณ 1 ปี ปัจจุบันลูกสาว นายสนธยา อายุ 8 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.2 อยู่ในความปกครองของแม่ โดยครอบครัวของฝ่ายหญิงขอเป็นฝ่ายรับเลี้ยง แต่ก็ยังไปมาหาสู่กับปู่กับย่าเป็นประจำแทบทุกวัน

นางอมร เล่าว่า น้องไข่มุกรักพ่อมาก จะโทรหาพ่อก่อนไปโรงเรียนทุกวัน ตนก็ยังไม่กล้าเล่าให้หลานสาวฟัง คงต้องรอจนกว่าศพจะมาถึงบ้านเกิด ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะมาในสภาพไหน วันไหนมีเครื่องบินบินผ่านมา น้องไข่มุกจะบอกย่าว่าพ่อกลับมาแล้ว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน