วันที่ 12 มี.ค. ร.ต.อ.ไสว เพ็ชรสมบัติ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานตาพระยา ว่าเกิดเหตุรถพ่วง 18 ล้อ พุ่งชนรถยนต์ 5 คัน มีผู้บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบนเขาช่องตะโก ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ก่อนถึงศาล ร.5 ประมาณ 300 เมตร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพ อบต.ทัพราช
ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70–2549 ชุมพร และตัวพ่วงทะเบียน 70–2550 ชุมพร จอดอยู่สภาพหน้ารถพังยับเยิน ใกล้กับพบรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน กญ–4505 กทม. หน้ารถพุ่งไปชนไหล่เขา อีกคันเป็นรถกระบะอีซูซุ สีเขียว หมายเลขทะเบียน บต–1270 ศรีสะเกษ สภาพพังยับเยิน กลายเป็นเศษเหล็ก นอกจากนี้ยังมีรถได้รับความเสียหายอีก 3 คัน ประกอบด้วย กระบะอีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน 4กญ–7528 กทม. รถกระบะมิตซูบิชิ สีเทา หมายเลขทะเบียน 6กว-1960 กทม. และรถจยย.ฮอนด้า
นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ได้รับบาดจ็บ 7 ราย ประกอบด้วย ด.ช.ธนกร น้อยสิงห์ อายุ 8 ขวบ, ด.ญ.กฤติยา โพธิ์ทับ อายุ 10 ขวบ, นางแพร โพธิ์ทับ อายุ 42 ปี, นางพรนภา น้อยสิงห์ อายุ 32 ปี, นายวิเชียร อินกลาโหม อายุ 65 ปี, น.ส.วรัญญา พละศักดิ์ อายุ 27 ปี และ นายอานนท์ จินโนสวัสดิ์ อายุ 40 ปี เจ้าหน้าที่จึงรีบลำเลียงส่งโรงพยาบาลตาพระยา
จากการสอบสวน นายคูณ ขลากระโทก คนขับรถพ่วง 18 ล้อ ให้การว่า ตนได้บรรทุกน้ำตาลมาจาก จ.บุรีรัมย์ จะนำไปส่งที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ขณะวิ่งลงมาจากเขาช่องตะโกเกิดเบรกแตกบังคับรถไม่อยู่ จึงพุ่งเข้าชนท้ายรถฟอร์จูนเนอร์ จนกระเด็นไปชนกับไหล่เขา หลังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปชนท้ายรถกระบะ อีซุซุ สีเขียว จนมีสภาพเป็นเศษเหล็ก แล้วยังไปเฉี่ยวชนรถกระบะอีซุซุ สีดำ ส่งผลให้ น.ส.วรัญญา กระเด็นออกมาได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นก็ไปเฉี่ยวรถกระบะมิตซูบิชิ สีเทา ก่อนที่รถจยย.ฮอนด้าที่ขี่ตามหลังรถกระบะมาถูกหางเลขไปด้วย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลตาพระยา ทราบว่า ด.ช.ธนกร ได้ถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สระแก้ว เนื่องจากกามหัก อาการสาหัส ส่วนนายอานนท์ คนขับรถอีซุซุ สีเขียว ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตาพระยา ซึ่งมีอาการปวดตามตัวและที่ขาอย่างมาก และได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนกำลังจะไปเยื่ยมพ่อที่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ขณะขับมาถึงที่เกิดเหตุก็ถูกรถพ่วงชนท้ายแล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย โชคดีที่ลูกและภรรยาไม่ได้มาด้วย ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเรื่องไม่ดีกว่านี้ก็เป็นได้ เนื่องจากสภาพรถแหลกไม่มีชิ้นดี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ว่าเกิดจากเหตุใดกันแน่ ก่อนควบคุมตัวนายคูณ ไปสอบปากคำเพิ่มเติม และสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ พยานแวดล้อม เพื่อรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนดำเนินการต่อไป
