เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 มี.ค ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 5 ชั้น 2 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำเลขที่ 4571/60 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ โจทก์ กับนายสมชาย แก้วบางยาง อายุ 51 ปี จำเลยที่ 1 และนางเพ็ญศรี หรือ พรชนก ทานากะ หรือ ไชยะปะ อายุ 51 ปี จำเลยที่ 2 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง

สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องการหายตัวไปของนายโยชิโนริ ชิมาโตะ อายุ 79 ปี ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.57 ทำให้นายเท็ตสึโอะ ชิมาโตะ บุตรชาย เดินทางมาตามหาและแจ้งความไว้ที่สน.ห้วยขวาง กระทั่งนางพรชนก ไชยะปะ เพื่อนสาวคนสนิท ยอมรับสารภาพว่าตนและนายสมชาย สามี นำร่างของนายโยชิโนริมาชำแหละในบ้านพักที่หมู่บ้านออร์คิด แบ่งชิ้นส่วนบรรจุใส่กระสอบปุ๋ย จำนวน 4 กระสอบ ก่อนจะนำใส่รถแท็กซี่มาทิ้งบริเวณใต้สะพานคลองย่านอ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เพื่ออำพรางคดี โดยศาลอาญารัชดา พิพากษาประหารชีวิต นายสมชาย แก้วบางยาง ส่วนนางพรชนก จำคุก 48 ปี ร่วมซ่อนเร้นศพ ไปเมื่อวันที่ 14 ม.ค.59 ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันจากคดีที่เกิดขึ้นยังทราบอีกว่ายังมี นายญี่ปุ่นคนแรกที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับนางพรชนกคือ นายคาซึโตชิ ทานากะ ที่เคยคบหากับนางพรชนกจนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน จนในปี 2546 นายคาซึโตชิ ได้ประสบอุบัติเหตุตกบันไดเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปความเห็นคดีดังกล่าวว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งจากการเสียชีวิตของนายคาซึโตชิ นางพรชนกได้รับเงินประกันชีวิตกว่า 3 ล้านบาท จนนางเค็กโกะ มัตตา ทราบข่าวการตายของนายโยชิโนริ ชิมาโตะ ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น จึงสงสัยว่าบิดาของตนเองอาจจะถูกฆาตกรรม ไม่ได้เสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุตกบันได ตามที่นางพรชนกที่อยู่ในที่เกิดเหตุกล่าวอ้าง วันที่ 23 ต.ค.2557 จึงได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดี

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายสมชายรับสารภาพในชั้นสอบสวน ว่าก่อเหตุฆ่านายทานากะ เนื่องจากเกิดความหึงหวง เพราะเคยมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับจำเลยที่ 2 มาก่อน ส่วนข้อต่อสู้ที่ระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพนั้นตอนสอบสวนมีทนายนั่งฟังด้วยและไม่ปรากฏว่ามีการเกลี้ยกล่อมแต่อย่างใด

ส่วนเรื่องที่พยานทางฝั่งจำเลย ให้การในชั้นศาลว่า ในวันเกิดเหตุที่นายทานากะเสียชีวิตว่าจ้างให้นายสมชายขับแท็กซี่ไปส่งของที่ต่างจังหวัด เนื่องจากรถของตนเองประสบอุบัติเหตุนั้น ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าในวันดังกล่าวมีเหตุจริง รวมถึงคำให้การดังกล่าวไม่มีในชั้นสอบสวน ทั้งนี้จึงพิเคราะห์ตามหลักฐานดังกล่าวมีความแน่นหนามั่นคง เพียงพอที่จะเชื่อได้ว่านายสมชายฆ่านายคาซึโตชิ ทานากะ จริง เพราะความหึงหวง ประกอบกับ โจทย์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานให้เชื่อมโยงได้ว่านายสมชายวางแผนฆ่านายคาซึโตชิ ทานากะ เพื่อครอบครองธุรกิจและวางแผนเอาเงินประกัน จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย ศาลจึงพิพากษาตัดสินนายสมชาย ในข้อหาฆ่าผู้อื่น ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีลดลง 1 ใน 3 คงเหลือ จำคุก 33 ปี 4 เดือน โดยให้นับต่อจากคดีแดงเลขที่ 90/2559

ส่วนนางพรชนก จำเลยที่ 2 โจทย์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องและโจทย์ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 รู้ว่านายคาซึโตชิ ทานากะ มีเงินประกันมาก่อน ถึงแม้จะมีข้อพิรุธเรื่องการสั่งไม่ให้คนอื่นบอกว่านายสมชาย อยู่ในที่เกิดเหตุแต่จากการสืบพยานก็เป็นหลังจากนายคาซึโตชิ ทานากะ เสียชีวิตแล้ว จึงไม่มีข้อพิสูจน์ถึงแรงจูงใจในการฆ่าได้ ประกอบกับจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย ศาลยกฟ้องนางพรชนก ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง

ด้านนางจินตนา ณะสุโห อายุ 63 ปี มารดานางเค็กโกะ เปิดเผยว่า หลังฟังคำพิพากษาแล้วส่วนหนึ่งรู้สึกพอใจ แต่อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกเสียใจ ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างไรต้องรอพูดคุยปรึกษากับบุตรสาวก่อนเพราะตอนนี้บุตรสาวเดินทางไปต่างประเทศ

ส่วนนายจรินทร์ ภิคุปต์ ทนายความจำเลย เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับจำเลยทั้ง 2 จึงไม่ทราบว่าทางนายสมชาย จะยื่นอุทธรณ์ ในเรื่องของคำพิพากษาหรือไม่โดยหลังจากนี้จะเข้าพูดคุยอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน