จากกรณีนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 64 ปี ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกขณะตั้งแคมป์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ค้นบ้านนายเปรมชัย พบงาช้าง 2 คู่ มีนางคณิตตา กรรณสูต อายุ 64 ปี ภรรยานายเปรมชัย เป็นผู้ครอบครอง และน.ส.วันดี สมภูมิ อายุ 68 ปี เป็นผู้รับรองว่าเป็นงาช้างบ้าน จากนั้นแจ้งข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้างแอฟริกา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 19 ตามพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 แก่นายเปรมชัย นางคณิตตา และน.ส.วันดี ก่อนที่นายเปรมชัยจะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว รวมถึงข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและติดสินบนเจ้าพนักงาน แล้วได้รับประกันตัวไป ส่วนนางคณิตตาและน.ส.วันดีทำหนังสือขอเลื่อนนัดเป็นวันที่ 20 มี.ค. ตามที่เสนอไปนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่บก.ปทส. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้ามีสื่อมวลชนจำนวนมากมาปักหลักติดตามสถานการณ์ หลังทราบว่านางคณิตตา กรรณสูต ภรรยาของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จดแจ้งครอบครองงาช้าง และน.ส.วันดี สมภูมิ พยานที่เซ็นรับรองว่าเป็นงาช้างไทย จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้
ต่อมาเวลา 08.30 น. นางคณิตตา พร้อมน.ส.วันดี และทนายความ เดินทางมาที่บก.ปทส. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้างแอฟริกา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ตามกำหนดที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวทั้งสองเข้าห้องพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบและสอบปากคำทันที ขณะที่นางคณิตตามีสีหน้าเคร่งเครียดและอิดโรย
พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส. เปิดเผยว่า ประเด็นหลักที่จะสอบปากคำวันนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการครองครองงาช้างโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาทั้งสองรายว่าจะให้การอย่างไรก็ได้ในชั้นพนักงานสอบสวน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานพร้อมยืนยันความผิดได้
ทั้งนี้ ทราบว่าน.ส.วันดีเป็นผู้เซ็นรับรองงาช้างให้กับนางคณิตตา ภรรยาของนายเปรมชัย เมื่อประมาณปี 2558 ส่วนงาช้างจะนำเข้าจากต่างประเทศหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนนำงาช้างที่ตรวจค้นพบในบ้านพักของนายเปรมชัยและภรรยา ย่านบางกะปิ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. มาตรวจสอบด้วย เพื่อให้ผู้ต้องหายืนยันว่างาช้างดังกล่าวเป็นของตัวเองหรือไม่ ขณะที่นางคณิตตานำเอกสารใบอนุญาตครอบครองงาช้างให้กับพนักงานสอบสวนด้วย แต่ก็เป็นเอกสารที่ประกอบไว้ในสำนวนแล้ว ส่วนหลังจากนี้จะให้การประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน
จากนั้นในเวลา 11.30 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 และพล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รอง ผบช.ส. พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.1 ได้เดินทางมาที่บก.ปทส. เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี โดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองด้วยตัวเอง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่ รองผบ.ตร. พร้อมนายบัญญัติ สายอรุณ ผอ.ส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะแถลงชี้แจงผลการสอบสวน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากับนางคณิตตาและน.ส.วันดี ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี 2535 ตามที่กรมอุทยานฯและบก.ปทส. ร่วมกันร้องทุกข์ไว้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยให้การว่าไม่ทราบว่าเป็นงาช้างแอฟริกา ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯจึงชี้แจงให้ผู้ต้องหาทราบ ส่วนจะอ้างว่าเป็นมรดกตกทอดมา 40 กว่าปี ก็สามารถอ้างได้ แต่กฎหมายศุลกากรมีตั้งแต่ปี 2467 ซึ่งเกินเวลา เมื่อกรมอุทยานฯยืนยันไม่ใช้งาช้างบ้านเราก็ต้องเป็นงาช้างต่างประเทศ เป็นสินค้าประเภทงาช้างนำเข้า แม้ว่าจะเป็นมรดกตกทอดมา
นอกจากนี้ ยังไม่มีเอกสารยืนยันการนำเข้ามา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจถามไปยังกรมศุลกากรแล้ว ส่วนที่มางาช้าง ผู้ต้องหาให้การว่ามีพี่น้องให้มา ซึ่งก็เข้าข่ายตามพรบ.ศุลกากร และผิดตั้งแต่นำเข้า แต่ต้องรอให้กรมศุลกากรมาตรวจสอบว่างาช้าง ที่ผู้ต้องหาหรือบุคคลที่ถูกพาดพิงได้แจ้งนำเข้าไว้หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ต้องแจ้งดำเนินคดีกับนายเปรมชัย ภรรยาและน.ส.วันดี อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบผู้ที่ให้งาช้างตามคำให้การของผู้ต้องหาพบว่าเสียชีวิตไปแล้ว และน่าจะขาดอายุความแล้วด้วย เนื่องจากให้มาตั้งแต่ปี 2524 (อายุความประมาณ 20 ปี)
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า กรณีอัยการภาค 7 แถลงผลนิติวิทยาศาสตร์กรมอุทยานยังไม่เสร็จสมบูรณ์นั้น ตนไม่ทราบ แต่ดูจากข่าวน่าจะเป็นประเด็นที่บันทึกจับกุมบอกว่าเป็นเนื้อเก้ง แต่ผลตรวจพิสูจน์ออกมาเป็นเนื้อหมู ซึ่งจะต้องแจ้งพฤติการณ์แห่งคดีให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนทราบ ประเด็นที่ 2 พนักงานอัยการทวงผลการตรวจพิสูจน์ในส่วนที่เหลือ เราได้รับจากกรมอุทยานฯมาบางส่วน มีดบังตอผลออกมาแล้วมีดีเอ็นเอเสือ สำหรับเอกสารที่นิติวิทยาศาสตร์ของกรมอุทยานฯ ได้รับมาแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ จะรีบนำส่งพนักงานอัยการ ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ จะเร่งรัดให้กรมอุทยานมาส่งให้ตำรวจ แล้วนำส่งให้อัยการต่อไป ซึ่งตนได้กำชับไปแล้วว่าคดีครอบครองงาช้างและอาวุธปืน รวมถึงติดสินบนเจ้าพนักงาน ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 มี.ค.นี้
“นางคณิตตาและน.ส.วันดี ยืนยันต่อหน้าแล้วว่า งาช้างที่ยึดมาเป็นงาช้างที่ได้นำมาจดแจ้งครอบครองจริง ถึงแม้จะเป็นการแจ้งทางภาพถ่ายที่มีขนาดใกล้เคียง เชื่อว่าสำนวนคดีไม่น่ามีปัญหา ส่วนจะเข้าข่ายแจ้งความเท็จหรือไม่ ทางกรมอุทยานฯจะตรวจสอบ หากกรมอุทยานฯแจ้งอะไรมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการให้ทั้งหมด ทั้งนี้ หลังสอบปากคำ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐาน ก่อนนำตัวนางคณิตตาและน.ส.วันดีไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา โดยพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 2 เดินทางมามอบตัวเอง จึงไม่มีเหตุให้คัดค้านการประกัน แต่จะได้ประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ส่วนงาช้างที่ยึดมาทางกรมอุทยานฯจะเป็นผู้ดูแลจนกว่าคดีจะสิ้นสุด” รองผบ.ตร. กล่าว
ด้านนายบัญญัติ เปิดเผยถึงการจดแจ้งครอบครองงาช้างว่า ตามพรบ.งาช้าง การครอบครองงาช้างนั้นจะต้องเป็นสัตว์พาหนะ จึงจะจดแจ้งได้ ส่วนงาช้างแอฟริกาไม่สามารถจดแจ้งได้ แต่สามารถแจ้งตามพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ได้ แต่กรณีนี้ไม่มีการแจ้งไว้ สำหรับที่มางาช้าง นางคณิตตาได้แจ้งครอบครองงาช้างตั้งแต่ปี 2558 โดยถ่ายภาพมา แต่ตามพรบ.งาช้างจะต้องเป็นสัตว์พาหนะ เมื่อตรวจสอบแล้วไม่ใช่ก็จดแจ้งตามพรบ.ดังกล่าวไม่ได้
ทั้งนี้ ตามที่กรมอุทยานฯรับแจ้งการครอบครองงาช้างเฉพาะในกทม. มีประมาณ 12,000 ราย แต่ละรายไม่ใช่แค่ 1-2 ชิ้น ทางกรมอุทยานฯได้ทยอยตรวจสอบ ซึ่งบางรายนำงาช้างมาที่กรมอุทยานฯ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจและออกใบรับรองให้ บางรายไม่ได้นำงาช้างมาต้องรอนัดตรวจสอบ ซึ่งในกรณีนางคณิตตาได้ยื่นเอกสารครบ อยู่ระหว่างรอตรวจสอบ ทำให้จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการออกใบอนุญาตครอบครอง
ต่อมาเวลา 13.45 น. หลังจากสอบปากคำนานกว่า 5 ชม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. นำตัวนางคณิตตาและน.ส.วันดี เดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขังต่อไป โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ไม่ได้ให้สัมภาษณ์หรือกล่าวคำพูดใดๆ ขณะเดินออกจากห้องพนักงานสอบสวนไปขึ้นรถ
