เมื่อวันที่ 29 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของ นายขาน เชิดจอหอ อายุ 48 ปี และนางดวงจิต คณาเขว้า อายุ 38 ปี สองสามีภรรยา ที่อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 159/1 หมู่ที่ 1 ตำบลเก่าย่าดี อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วยญาติหลังได้พากันเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ต่อ พ.ต.ท.คม คุ้มโนนคร้อ รอง ผกก.สอบสวน สภ.แก้งคร้อ มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ช่วยตรวจสอบว่าเกิดกรณีมีพระสงฆ์ต่างถิ่นที่พากันเดินทางมาอาศัยอยู่ในวัดร้างในหมู่บ้านท่าเว่อ หมู่ที่ 11 ต.เก่าย่าดี อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ที่เพิ่งได้พากันเร่ร่อนเข้ามาอาศัยอยู่ภายในวัดร้างดังกล่าวมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา
เมื่อประมาณวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนเองและครอบครัวพาบุตรสาวไปทำธุระแถวๆบริเวณวัดท่าเว่อ ดังกล่าวที่เป็นวัดร้างไม่เคยมีพระสงฆ์มาอาศัยอยู่นานนับปี และได้ ไปพบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งในจำนวน 3 รูป ที่เดินทางมาด้วยกันซึ่งไม่ทราบชื่อและฉายามาก่อนเพราะเป็นพระต่างถิ่นที่เพิ่งมาอาศัยอยู่ในวัดร้างดังกล่าว จึงสอบถามไปทราบแต่เพียงว่าเป็นพระจากต่างจังหวัด ที่มีสำเนียงคนอีสานแต่ไม่ใช่พระมาจากคนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ที่มาขออาศัยจำวัดชั่วคราวที่วัดร้างแห่งนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นก่อนที่อีกไม่กี่วันจะเดินธุดงค์ไปต่อเท่านั้น
“แต่จู่ๆหนึ่งในพระทั้ง 3 รูป ที่มาด้วยกัน ได้เดินเข้ามาทักว่าบุตรสาวของตนเองชื่อนางสาวสุพัก เชิดจอหอ อายุ 18 ปี ว่าบุตรสาวตนเองโดนคุณไสยมนต์ดำมา และถ้าอยากหายต้องกินน้ำมนต์ 2 ถังน้ำ หรือขนาดเต็ม 2 บาตรพระ ถึงจะหายจากอาการมนต์ดำที่ถูกคนไม่หวังดีทำใส่ตัวมาได้ ซึ่งตนเองก็ตกใจเนื่องจากพระสงฆ์เอ่ยวาจาทักมาเช่นนั้น ซึ่งตอนนั้นบุตรสาววัย 18 ปี ก็ไม่ได้มีอาการอะไร ก็เหมือนคนปกติดีทุกอย่างแต่เมื่อพูดคุยกันกับกลุ่มพระสงฆ์ทั้ง 3 รูปดังกล่าวที่มาด้วยกัน สักระยะหนึ่งตนเองก็เลยยอมให้ลูกเข้าทำพิธีที่กลุ่มพระเหล่านี้อ้างว่าทำแล้วจะพ้นมนต์ดำที่ถูกทำมาได้ ด้วยการให้กินน้ำมนต์จากพระดังกล่าว จึงยอมให้บุตรสาวกินน้ำมนต์ในที่สุด”
ผู้ร้องเรียนกล่าวต่อว่า ทางด้านพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้กล่าวว่าย้ำตลอดเวลาที่จะให้บุตรสาวดื่มน้ำมนต์จากบาตรว่า ถ้าอยากหายต้องกินน้ำมนต์ที่อยู่ในบาตรพระให้หมดทั้ง 2 ใบ เมื่อพระสงฆ์ใช้แก้วตักน้ำมนต์มาให้บุตรสาวกินเพียงแค่แก้วแรกบุตรสาวก็อาเจียนออกมา แต่พระสงฆ์ดังกล่าวก็ยังบอกว่า ต้องให้บุตรสาวกินต่ออีกไปหลายแก้ว และต้องดื่มน้ำมนต์ให้หมดทั้ง 2 บาตรดังกล่าว
ทุกแก้วที่ดื่มเข้าไปบุตรสาวก็อาเจียนออกมาทุกครั้งตนเห็นอาการบุตรสาวไม่ดีจึงบอกให้ลูกหยุดดื่มแต่จู่ๆ ลูกสาวตนเองก็เกิดมีการชักดิ้นชักงอมือเท้าเกร็ง จึงเร่งช่วยกันเรียกให้ชาวบ้านมาช่วยนำตัวส่งอนามัยใกล้บ้านแต่เนื่องจากลูกสาวของตนมีอาการหนักมาก จึงถูกส่งตัวต่อไปยัง รพ.ประจำอำเภอแก้งคร้อ แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จนต้องถูกนำตัวส่งต่อมาที่ รพ.ประจำจังหวัดชัยภูมิ แต่ก็สายไปเสียแล้วบุตรสาวก็สิ้นใจในเวลาต่อมา ซึ่งทางแพทย์ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ว่า เกิดจากอาการชักรุนแรงจนน็อกทำให้สมองขาดออกซิเจนเสียชีวิตครั้งนี้ฉับพลันดังกล่าว
หลังจากนั้นจึงได้นำศพลูกสาวมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านในตำบลเก่าย่าดี และก็ได้พยายามติดต่อไปทางกลุ่มพระสงฆ์รูปดังกล่าว และกลุ่มพระต่างถิ่นที่มาด้วยกัน ที่ทำน้ำมนต์ให้ลูกสาวของตนเองดื่มครั้งนี้ จนเสียชีวิตได้อย่างไร เพื่อจะสอบถามว่าในน้ำมนต์มีอะไรใส่ไปบ้างทำไมลูกสาวตนที่มีสุขภาพแข็งแรงอายุก็ยังน้อยเพียง 18 ปี และไม่เคยมีโรคประจำตัวอะไรเลยอีกด้วย แต่ทำไมกินน้ำมนต์พระดังกล่าวแล้วมีอาการชัก จนตาตั้งจึงเป็นเหตุให้เสียชีวิตในครั้งนี้ได้ด้วย
หลังเกิดเหตุมา ก็ยังไม่สามารถติดต่อกลุ่มพระเร่ร่อนที่มาจากต่างถิ่นกลุ่มนี้ที่มาอาศัยในวัดร้างได้เลย และได้พยายามสอบถามคนในหมู่บ้านใกล้วัดร้างดังกล่าว ก็ทราบเพียงว่าพระทั้งหมดได้หลบหนีไปหมดแล้ว ตนเองและญาติๆจึงได้พากันมาแจ้งความร้องทุกข์ครั้งนี้ ซึ่งในเย็นวันที่ 28 มี.ค.นี้ที่ผ่านมา ก็ได้มีการทำพิธีเผาศพบุตรสาวไปแล้ว
ทั้งนี้ อยากให้เป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้ใครไปตกเป็นเหยื่อ หลงเชื่อไปทำพิธีกรรมดังกล่าวอีก ที่อาจจะถูกทักหลอกหลงไปทำพิธีดื่มน้ำมนต์จากกลุ่มพระเร่ร่อนกลุ่มนี้จนเสียชีวิตอีก ซึ่งรูปพรรณพระเร่ร่อนที่ทำพิธีให้ลูกสาวดื่มน้ำมนต์จนเสียชีวิตครั้งนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 รูป 1ใน 3 จะเป็นพระสูงอายุ และอีก 2 รูปจะอยู่ในวัยกลางคน จะพูดสำเนียงชาวอีสานแต่ไม่ใช่คนพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ จึงอยากขอให้ประชาชนที่พบเห็นให้ระวังอย่าไปหลงเชื่อพิธีกรรมชวนดื่นน้ำมนต์แก้มนต์ดำอะไรแบบนี้อีกง่ายๆอีก
ด้าน พ.ต.ท.คม คุ้มโนนคร้อ รอง ผกก.สภ.แก้งคร้อ พร้อมด้วยพ.ต.ต.วิญญู พื้นหินลาด พนง.สอบสวนประจำวันพร้อมด้วย พ.ต.ต.เจริญ สาระคำ สว.สืบสวน เร่งจัดกำลังออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในบริเวณวัดท่าเว่อใน หมู่ที่ 11 ตำบลท่ามะไฟหวาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ตามที่ผู้เสียหายแจ้งแล้ว ซึ่งกลุ่มพระสงฆ์ดังกล่าวได้พากันหลบหนีออกจากวัดร้างดังกล่าวไปหมดแล้ว ซึ่งมีการใส่กุญแจ ปิดวัดร้างดังกล่าวให้เหมือนเดิม ก่อนพากันหลบหนีไปปล่อยเป็นวัดร้างตามเดิมเมื่อหลายปีที่ผ่านมาเช่นเคย
สอบถามนางน้อย ขอสงวนนาม ซึ่งเป็นชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆกับวัดร้างดังกล่าว เล่าว่าเมื่อช่วง 1 เดือนเศษๆ ที่ผ่านมาก็ได้มีกลุ่มพระสงฆ์จำนวน 3 รูปและมีฆารวาสชายหญิงอีก 3 คน ที่น่าจะเป็นคนต่างถิ่นได้พากันมาขอพักที่วัดร้างดังกล่าว เพื่อขอจำวัดชั่วคราว สักระยะหนึ่งแล้วก็จะขอเดินทางไปธุดงค์ต่อเท่านั้น จนมาก่อเหตุขึ้นในครั้งนี้ส่วนรายละเอียดตนก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มพระดังกล่าวไม่น่าเชื่อถืออะไรเลยชาวบ้านเห็นมาขอพักชั่วคราวด้วยความไม่แล้งน้ำใจจึงให้พักชั่วคราวเท่านั้น ที่วัดร้างในหมู่บ้านเท่านั้น ซึ่งหลังมีการมาแอบอ้างมีคุณวิเศษรับทำพิธีจนมีการสูญเสียชีวิตของเด็กสาวครั้งนี้แล้ว ก็ไม่อยากให้ใครไปหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกลุ่มพระเร่ร่อนกลุ่มนี้อีกด้วยต่อไป
